คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยระบุอย่างชัดแจ้งในหนังสือขออายัดเช็คว่าได้สั่งจ่ายเช็คให้แก่หัวหน้าวงแชร์ชื่อ ส. เพื่อนำไปเก็บเงินจากลูกแชร์มาคืนให้แก่จำเลย จำเลยย่อมทราบดีว่าแชร์วงนี้ ส. เป็นนายวงแชร์ ส่วนสำเนารายชื่อผู้เล่นแชร์ที่ปรากฏชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น. โดย ส. หัวหน้าแชร์ น่าจะเป็นเพียงชื่อหรือยี่ห้อเพื่อให้ทราบกันอย่างชัดเจนภายในกลุ่มของผู้เล่นแชร์ด้วยกันว่า ส. นายวงแชร์อยู่ที่ไหนและมีฐานะอย่างใดเท่านั้น ไม่ทำให้วงแชร์วงนี้มีห้างหุ้นส่วนจำกัด น. ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ จึงไม่เป็นการต้องห้ามตาม พ.ร.บ.การเล่นแชร์ฯ มาตรา 5
พ.ร.บ.การเล่นแชร์ฯ มาตรา 6 นั้นห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 6 (1) ถึง (4) เท่านั้น ส่วนสมาชิกผู้เข้าเล่นแชร์ด้วยกันหาได้มีบทบัญญัติห้ามเล่นแชร์แต่อย่างใดไม่ ทั้งมาตรา 7 ยังระบุว่า บทบัญญัติในมาตรา 6 ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สมาชิกวงแชร์จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์อีกด้วย การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่ง อันเกิดจากการตกลงกันระหว่างสมาชิกผู้เล่น จึงมีผลผูกพันและบังคับกันได้ตามกฎหมาย มูลหนี้ของเช็คพิพาท 2 ฉบับ เกิดจากการเล่นแชร์ ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมายจึงไม่ตกเป็นโมฆะ โจทก์เป็นผู้ทรงจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คได้
การที่จำเลยประมูลแชร์ได้แล้วสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ ให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ เช็คนั้นจึงมีมูลหนี้ต่อกัน เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้แล้วนำเช็คพิพาท 2 ฉบับ ไปลงวันที่และนำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่เช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ การที่นายวงแชร์ยังไม่ได้นำเงินค่าแชร์ที่จำเลยประมูลได้มาชำระให้แก่จำเลยจนครบถ้วนนั้น ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธไม่ชำระเงินตามเช็คพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 214,917.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2540 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ ตามฟ้องเพื่อชำระหนี้ค่าแชร์ ต่อมาเมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้จึงนำเช็คพิพาท 2 ฉบับ ดังกล่าวไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลเหมือนกันว่า “ระงับการสั่งจ่าย” ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าการเล่นแชร์ห้างหุ้นส่วนจำกัดนำกิจผลซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ จึงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 5 อีกทั้งแชร์วงนี้มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดเป็นมูลค่ามากกว่าสามแสนบาท อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 6 (3) เช็คพิพาท 2 ฉบับ มีมูลหนี้จากการเล่นแชร์ที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ตามสำเนาหนังสือขออายัดเอกสารหมาย ล.5 ที่จำเลยมีไปถึงธนาคารตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ เพื่อขออายัดเช็ค จำเลยระบุอย่างชัดแจ้งว่าได้สั่งจ่ายเช็ค 18 ฉบับ ซึ่งรวมทังเช็คพิพาท 2 ฉบับ ด้วยให้แก่หัวหน้าวงแชร์ชื่อคุณสมพร สุรวิลาศหรือสุรวิลาส เพื่อไปเก็บเงินจากลูกแชร์มาคืนให้แก่จำเลย จึงเห็นได้ว่าจำเลยก็ทราบดีอยู่ว่าแชร์วงนี้ผู้เป็นนายวงแชร์คือนางสมพร สุรวิลาศหรือสุรวิลาส ตามที่จำเลยระบุชื่อและขอแจ้งอายัดเช็คไปยังธนาคาร ห้างหุ้นส่วนจำกัดนำกิจผลโดยนางสมพร สุรวิลาศ หัวหน้าแชร์ตามที่ปรากฏในสำเนารายชื่อผู้เล่นแชร์เอกสารหมาย ล.1 อันดับที่ 13 นั้น จึงน่าจะเป็นเพียงชื่อหรือยี่ห้อเพื่อให้ทราบกันอย่างชัดเจนภายในกลุ่มของผู้เล่นแชร์ด้วยกันว่า นางสมพรนายวงแชร์อยู่ที่ไหนและมีฐานะอย่างใดเท่านั้น ไม่ทำให้แชร์วงนี้มีห้างหุ้นส่วนจำกัดนำกิจผลซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นนายวงแชร์ดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด จึงหาเป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 5 ไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า มูลหนี้ตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ เกิดจากการเล่นแชร์ ต้องห้ามตามมาตรา 6 (3) แห่งพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 โดยมีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันมีมูลค่ามากกว่าสามแสนบาท จึงตกเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า มาตรา 6 ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 6 (1) ถึง (4) เท่านั้น ส่วนสมาชิกผู้เข้าเล่นแชร์ด้วยกันตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 หาได้มีบทบัญญัติห้ามเล่นแชร์แต่อย่างใดไม่ ทั้งบทบัญญัติในมาตรา 7 ยังระบุว่าบทบัญญัติในมาตรา 6 ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สมาชิกวงแชร์จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์อีกด้วย การเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งอันเกิดจากการตกลงกันระหว่างสมาชิกผู้เล่น จึงต้องมีผลผูกพันและบังคับได้ตามกฎหมาย ดังนั้น มูลหนี้ของเช็คพิพาท 2 ฉบับ อันเกิดจากการเล่นแชร์ ซึ่งไม่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามตามกฎหมายดังฎีกาของจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่ โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาท 2 ฉบับ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904, 914 ประกอบมาตรา 989 วรรคหนึ่ง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อที่สองมีว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ ให้แก่โจทก์หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยยังไม่ได้รับเงินที่ประมูลแชร์ได้จนครบถ้วนจากนายวงแชร์ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะไม่ชำระเงินตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ ที่โจทก์นำมาฟ้องนั้น เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลแชร์ไปได้แล้วมีหน้าที่ผูกพันตามข้อตกลงต้องส่งเงินคืนคือสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ที่ยังประมูลแชร์ไม่ได้ ดังนั้น การที่จำเลยประมูลแชร์ได้แล้วสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ ให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ที่ยังประมูลแชร์ไม่ได้เช็คนั้นจึงมีมูลหนี้ต่อกัน เมื่อโจทก์ประมูลแชร์ได้แล้วนำเช็คพิพาท 2 ฉบับ ไปลงวันที่และนำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่เช็คพิพาททั้งสองฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ การที่จำเลยฎีกาว่า นายวงแชร์ยังไม่ได้นำเงินค่าแชร์ที่จำเลยประมูลได้มาชำระให้แก่จำเลยจนครบถ้วนนั้น ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธไม่ชำระเงินตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ ที่จำเลยสั่งจ่ายไว้ให้แก่โจทก์ได้ และเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ ถือว่าจำเลยผู้สั่งจ่ายผิดนัดชำระเงินตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงไม่จำต้องบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาท 2 ฉบับ ก่อนฟ้องแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share