คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะยื่นฟ้องกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์มีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้ แต่ต่อมาผู้ที่มีอำนาจกระทำการเป็นผู้แทนของโจทก์เปลี่ยนแปลงไปเป็นของบุคคลอื่นแล้ว สิทธิที่จะจัดการแทนโจทก์ของกรรมการผู้จัดการคนเดิมย่อมสิ้นสุดลง
การพิจารณาถึงตัวผู้ที่มีอำนาจจัดการแทนบริษัทโจทก์ในปัจจุบันย่อมต้องถือเอาข้อความในทะเบียนนิติบุคคลของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นหลักฐาน แม้กรรมการผู้จัดการคนเดิมจะคัดค้านว่า การแก้ไขข้อบังคับของบริษัทได้กระทำไปโดยมติที่ไม่ชอบด้วยหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก

ย่อยาว

บริษัทโจทก์โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอก ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง บริษัทโจทก์โดยนายนิยม วีระบุตร ประธานกรรมการ และนายสถิตย์ชัย ตั้งคงนุชกรรมการผู้จัดการ ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตดำเนินคดีแทนโจทก์ อ้างว่าที่ประชุมวิสามัญของคณะกรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงมติตั้งให้บุคคลทั้งสองดำรงตำแหน่งดังกล่าว และให้บุคคลทั้งสองร่วมกันกระทำการแทนบริษัทโจทก์ได้ มติดังกล่าวได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆแทนบริษัทโจทก์ต่อไป

ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ยื่นคำแถลงคัดค้านว่ายังเป็นผู้มีอำนาจอยู่ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ เพราะได้ดำเนินคดีมาก่อนการจดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับของบริษัทนั้นก็ได้คัดค้านไว้ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแล้ว คดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์

ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องที่ผู้ร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนโจทก์แล้วอนุญาตให้ผู้ร้องดำเนินคดีในนามของบริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัดและอนุญาตให้ถอนฟ้อง

บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา สั่งไม่รับอุทธรณ์ ร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ อุทธรณ์คำสั่งว่ามีอำนาจฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์

บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อฎีกาที่ว่าศาลชั้นต้นได้รับรองแล้วว่า โจทก์มีอำนาจดำเนินคดีแทนบริษัทได้ตามกฎหมาย กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้ดำเนินคดีมาแต่ต้นย่อมไม่มีอำนาจหรือตัวบทกฎหมายใด ๆ ที่จะลบล้างเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่โจทก์ได้ดำเนินมาแล้วโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 บัญญัติว่า บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้ (3) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลเฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น คดีนี้ผู้ที่เป็นโจทก์อันแท้จริงคือ บริษัทขนส่งสุพรรณพัฒนา จำกัด ถึงแม้ในขณะที่ยื่นฟ้องร้อยตำรวจโทสำเนียงจะมีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้ แต่ต่อมาผู้ที่มีอำนาจกระทำการเป็นผู้แทนของโจทก์ได้เปลี่ยนแปลงจากร้อยตำรวจโทสำเนียงมาเป็นนายนิยมกับนายสถิตย์ชัยร่วมกัน นับแต่นั้นมาร้อยตำรวจโทสำเนียงก็ไม่มีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์ อันจะมีอำนาจจัดการแทนโจทก์ได้อีก ผู้ที่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาในนามของบริษัทโจทก์ได้แก่นายนิยมกับนายสถิตย์ชัยร่วมกัน เมื่อเป็นดังนี้การที่โจทก์โดยนายนิยม วีระบุตร ประธานกรรมการ และนายสถิตย์ชัย ตั้งคงนุช กรรมการผู้จัดการในปัจจุบัน ขอถอนฟ้องซึ่งโจทก์โดยร้อยตำรวจโทสำเนียง ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการในอดีตได้ยื่นไว้ จึงเป็นการกระทำโดยชอบ ส่วนข้อฎีกาที่ว่า การแก้ไขข้อบังคับของบริษัทได้กระทำไปโดยมติที่ไม่ชอบด้วยหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทนั้น เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากส่วนการพิจารณาถึงตัวผู้ที่มีอำนาจจัดการแทนบริษัทโจทก์ในปัจจุบัน ย่อมต้องถือเอาข้อความในทะเบียนนิติบุคคลของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นหลักฐาน

พิพากษายืน

Share