คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2735/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) คำร้องกล่าวว่า บ. ใช้จ่ายเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินกว่า 350,000 บาท ไม่ได้กล่าวว่าใช้จ่ายเงินในกิจการอย่างใดพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใดและเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุมไม่ชอบด้วย มาตรา 172 คดีร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีผลกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของรัฐและเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาคำร้องเคลือบคลุมจึงเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม มาตรา142(5)เมื่อคำร้องเคลือบคลุม ศาลย่อมไม่รับไว้พิจารณา
พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ มาตรา 78 บัญญัติถึงเหตุอันจะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 26, 32,34, 51 หรือ 52 การให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ผู้ใดนั้น เป็นการกระทำอันฝ่าฝืนมาตรา 35ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตาม มาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้ง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ที่จังหวัดนครนายก ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันนั้นด้วย โดยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งรวม 8 คน รวมทั้งผู้ร้องและพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผลของการเลือกตั้งที่จังหวัดนครนายกดังกล่าวปรากฏว่า พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ได้รับคะแนนเสียงสูงกว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น จึงได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กล่าวคือ พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 4 ได้ใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้งเกินกว่า 350,000 บาท และโดยตนเองหรือผู้อื่นซึ่งเป็นหัวคะแนนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนครนายก และเขตตำบลบ้านนา ตำบลป่าขะ ตำบลบ้านพร้าว อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ในวันเลือกตั้งคนละ 100 บาทบ้าง 50 บาทบ้าง 40 บาทบ้างเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งพันตำรวจโทบุญเลิศเลิศปรีชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 4 การกระทำของพันตำรวจโทบุญเลิศเลิศปรีชา หรือผู้อื่นซึ่งเป็นหัวคะแนนของพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ดังกล่าวแล้วเป็นการผิดพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 32, 35 จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 เป็นไปโดยมิชอบ และมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ต่อไป

ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกและพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายก

พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ยื่นคำคัดค้านว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายกเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2426 นั้นเป็นการเลือกตั้งโดยชอบและถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ผู้คัดค้านไม่ได้ใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้งครั้งนี้เกินกว่า 350,000 บาท ผู้คัดค้านก็ดีหรือผู้อื่นซึ่งเป็นหัวคะแนนของผู้คัดค้านก็ดี ไม่เคยให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าในเขตตำบลใด ๆ หรือหน่วยใดในเขตจังหวัดนครนายกไม่ว่าจะเป็นวันเลือกตั้งทั้งไม่เคยกระทำการใด ๆ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านเลย ผู้คัดค้านไม่เคยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 32, 35 ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่าคดีไม่น่าเชื่อว่าผู้คัดค้านได้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือใช้ให้ผู้อื่นแจกจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เห็นสมควรให้ยกคำร้อง

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องซึ่งคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครนายกเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 ว่าเป็นไปโดยมิชอบนั้น อ้างเหตุคัดค้าน 2 ประการคือ

1. พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 4ได้ใช้จ่ายเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินกว่า 350,000 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522

2. พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 4โดยตนเองหรือผู้อื่นซึ่งเป็นหัวคะแนนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชาอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522

ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 79 บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นคำฟ้องตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1 (3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามมาตรา 172 แต่เหตุคัดค้านข้อแรกนั้น ผู้ร้องกล่าวแต่เพียงว่าพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชาใช้จ่ายเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกินกว่า 340,000 บาท มิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงโดยแจ้งชัดว่า พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ใช้จ่ายเงินในกิจการอย่างใด พอที่จะให้เข้าใจได้ว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการใดและเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ คำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แม้คดีนี้ผู้คัดค้านจะมิได้ต่อสู้ว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม และผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกมิได้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดี แต่คดีร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีผลกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของรัฐและเศรษฐกิจของประเทศ ปัญหาคำร้องเคลือบคลุมจึงเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) เมื่อคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมศาลย่อมจะรับไว้พิจารณาหาได้ไม่ เหตุข้อคัดค้านแรกจึงตกไป

คงมีปัญหาต่อไปเกี่ยวกับเหตุคัดค้านข้อ 2 ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 78 บัญญัติถึงเหตุอันจะร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยเฉพาะว่าจะต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 มาตรา 32 มาตรา 34 มาตรา 51 หรือมาตรา 52 ส่วนเหตุคัดค้านข้อ 2 ที่ว่าพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 4 โดยตนเองหรือผู้อื่นซึ่งเป็นหัวคะแนนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่พันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชานั้น เป็นเพียงข้ออ้างว่ามีการกระทำอันฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ กรณีไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่าได้มีการกระทำตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่

จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

Share