คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2549/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ว. พยานโจทก์เบิกความว่า ว. ไม่เคยรู้จักโจทก์มาก่อนโจทก์จะเคยไปพบ ว. หรือไม่ จำไม่ได้ ฯลฯ ข้ออ้างของโจทก์จึงถูกหักล้างโดยพยานโจทก์เอง ดังนี้ จะถือว่าการที่พยานโจทก์เบิกความไม่ตรงความประสงค์ของโจทก์ เป็นการเบิกความเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์ ที่อ้างมายังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 2, 3, 4 ต้องการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 2860 จำเลยที่ 1 ได้ตกลงด้วยวาจาว่าจะจ่ายเงินค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ โจทก์ได้ดำเนินการเป็นนายหน้าให้แก่จำเลยจนจำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันเสร็จโดยจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ขาย บริษัทบางกอกเทาเวอร์ จำกัด โดยนายวิชัยมาลีนนท์ เป็นผู้ซื้อในราคา 20 ล้านบาท ซึ่งจำเลยทั้งสี่จะต้องรับผิดเสียค่านายหน้าเป็นเงิน 800,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระพร้อมดอกเบี้ยรวม 910,000 บาทแก่โจทก์ ฯลฯ

จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ 2, 3, 4 ไม่ได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนบอกขายที่ดินตามฟ้อง ถึงแม้โจทก์จะเป็นนายหน้าบอกขายแก่ผู้ซื้อจริง โจทก์ก็ไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จนายหน้า เพราะโจทก์บอกขายไม่ได้ในราคาตามข้อตกลง ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายวัลลภ ธารวณิชกุล พยานโจทก์เบิกความว่านายวัลลภไม่เคยรู้จักโจทก์ในคดีนี้มาก่อนเลย โจทก์จะเคยไปพบกับนายวัลลภหรือไม่ จำไม่ได้ ธนาคารเอเซียทรัสต์ไม่ได้ให้บริษัทบางกอกเทาเวอร์ซื้อที่ดินรายนี้ ข้ออ้างของโจทก์จึงถูกหักล้างโดยพยานของโจทก์เอง ที่โจทก์ฎีกาว่า นายวัลลภพยานโจทก์เบิกความบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับความจริง ทนายโจทก์ได้ขออนุญาตซักถามพยานปากนี้อย่างพยานปรปักษ์นั้น ก็ไม่เห็นว่านายวัลลภได้เบิกความบ่ายเบี่ยงอย่างไร ทั้งไม่ปรากฏในสำนวนความว่า ทนายโจทก์ได้ขออนุญาตต่อศาล เพื่อซักถามนายวัลลภ ธารวณิชกุล พยานโจทก์เสมือนหนึ่งเป็นพยานซึ่งคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างมา และเพียงการที่พยานเบิกความไม่ตรงตามความประสงค์ของโจทก์เท่านั้น จะถือว่าพยานเบิกความเป็นปรปักษ์แก่โจทก์ที่อ้างมายังไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำการชี้ช่องให้จำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินสำเร็จ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่านายหน้าจากจำเลย

พิพากษายืน

Share