คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า เมื่อสามีจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าอาคารของโจทก์ตาย สัญญาเช่าอาคารพิพาทก็เป็นอันระงับไป แม้หลังจากนั้นโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทและรับเงินค่าเช่าอาคารพิพาทจากจำเลยทุกเดือนแต่มิได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน และโจทก์มิได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าอาคารพิพาทให้จำเลย จึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อ โจทก์ฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จำเลยจะยกการเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้และถือว่าจำเลยอยู่ในอาคารพิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในอาคารพิพาทของโจทก์ต่อไป โจทก์ฟ้องขอให้ศาลขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทได้ทันที เพราะไม่มีกฎหมายในเรื่องนี้ให้บอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สามีจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าอาคารของโจทก์จากโจทก์มีกำหนด 1 ปี ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 2,000 บาท เมื่อครบกำหนดเวลาเช่าแล้ว โจทก์และสามีจำเลยมิได้ทำสัญญาเช่าต่อ แต่โจทก์อนุญาตให้สามีจำเลยอยู่ในอาคารพิพาทต่อไป ต่อมาสามีจำเลยตายสัญญาเช่าอาคารพิพาทจึงระงับไป โจทก์มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยซึ่งอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ออกจากอาคารพิพาท แต่จำเลยไม่ออกจากอาคารพิพาท อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ และทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพิพาท ให้จำเลยส่งมอบอาคารพิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า สามีจำเลยได้เช่าอาคารพิพาทจากโจทก์จริงตามฟ้อง แต่หลังจากสามีจำเลยตายแล้ว จำเลยได้เช่าอาคารพิพาทจากโจทก์ ต่อมา หนังสือของทนายความเป็นการเตือนธรรมดา และมิได้แสดงว่าได้มอบอำนาจแก่กัน เป็นการบอกกล่าวโดยไม่มีอำนาจ และไม่เป็นการบอกเลิกการเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลย ทั้งจำเลยมิได้ผิดสัญญาเช่า

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพิพาท และให้ส่งมอบอาคารพิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจำเลยจะออกจากอาคารพิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบด้วยมาตรา 247 ว่าหลังจากสามีจำเลยตายแล้ว จำเลยคงอยู่ในอาคารพิพาท และเสียค่าเช่าอาคารพิพาทให้โจทก์เดือนละ 2,000 บาทตลอดมาแต่ไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน และโจทก์มิได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าให้จำเลย เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2515 ทนายโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยออกจากอาคารพิพาท

ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า ดังนั้นเมื่อสามีจำเลยตายสัญญาเช่าอาคารพิพาทก็เป็นอันระงับไป แม้หลังจากที่สามีจำเลยตายแล้ว โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทและรับเงินค่าเช่าอาคารพิพาทจากจำเลยทุกเดือน แต่การเช่าอาคารพิพาทมิได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน และโจทก์มิได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าอาคารพิพาทให้จำเลยจึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อโจทก์ฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญจำเลยจะยกการเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 415/2501) และถือว่าจำเลยอยู่ในอาคารพิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในอาคารพิพาทของโจทก์ต่อไป โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทได้ทันที เพราะไม่มีกฎหมายในเรื่องนี้ให้จำต้องบอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 390/2506) ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ว่า การบอกเลิกการเช่าของทนายโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

พิพากษายืน

Share