แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยจำเลยที่ 1 ชกพลตำรวจ อ. ที่หน้าอกและจำเลยทั้งสองชกต่อยพลตำรวจ อ. กับพวก นั้น. เมื่อไม่ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง,83 เท่านั้น โดยไม่มีความผิดตามมาตรา 295,296,83 อีกด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเมาสุราอาละวาด ฯลฯ พลตำรวจอนันต์จึงจับกุมจำเลยตามหน้าที่ จำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางโดยร่วมกันชกต่อยพลตำรวจอนันต์กับพวกหลายที และร่วมกันใช้มีดแทงพลตำรวจอนันต์บริเวณราวนมและชายโครงหลายที โดยมีเจตนาฆ่าแต่พลตำรวจอนันต์ไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 288, 289(2), 295, 296, 80, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า วงสุราของจำเลยส่งเสียงเอะอะและจำเลยที่ 2ยิงปืนขึ้น 2 นัด เมื่อพลตำรวจอนันต์เข้าจับกุม จำเลยทั้งสองร่วมกันชกต่อยพลตำรวจอนันต์กับพวก และจำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงพลตำรวจอนันต์ 3 ครั้งในบริเวณส่วนสำคัญของร่างกาย โดยมีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,288, 289(2), 295, 286, 80, 83 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 289(2), 80ให้จำคุกคนละ 16 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พลตำรวจอนันต์ได้เข้าจับกุมจำเลยทั้งสองในข้อหาว่าเมาสุราอาละวาด ฯลฯ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชกต่อยต่อสู้ขัดขวางการจับกุม จำเลยที่ 1 ได้ ชกต่อยพลตำรวจอนันต์ถูกที่หน้าอก 2-3 ที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกฝ่ายหนึ่งและพลตำรวจอนันต์กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ชกต่อยกันชุลมุน ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันชกต่อยประทุษร้ายและต่อสู้ขัดขวางพลตำรวจอนันต์เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จากนั้นจำเลยทั้งสองวิ่งหนีพลตำรวจอนันต์วิ่งไล่ตามไปทันจำเลยทั้งสอง ห่างที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 80 เมตร พลตำรวจอนันต์ปล้ำกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ชักมีดพกออกมาแทงพลตำรวจอนันต์ดังกล่าวแล้วโดยไม่ปรากฏว่าตอนแทงกัน จำเลยที่ 1 อยู่ตรงนั้นด้วย และไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ทำอะไรในเหตุการณ์ตอนหลังยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 แทงพลตำรวจอนันต์ด้วย จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(2) ด้วยไม่ได้ และเหตุการณ์ในตอนแรกที่พลตำรวจอนันต์ถูกจำเลยที่ 1 ชกที่หน้าอกนั้นไม่ปรากฏว่าพลตำรวจอนันต์ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 295, 296, 83 ด้วย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยจำเลยที่ 1 ชกพลตำรวจอนันต์ที่หน้าอกและจำเลยทั้งสองชกต่อยพลตำรวจอนันต์กับพวกนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 138 วรรค 2, 83 เท่านั้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรค 2, 83 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 289(2), 80 อีกด้วย จำคุกจำเลยที่ 1 1 ปีส่วนจำเลยที่ 2 นั้นให้ลงโทษตามมาตรา 289(2), 80 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด นอกจากที่แก้ ยืน