คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายกับพวกอีกหลายคนกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยผู้เสียหายใช้มีดดาบยาว 1 เมตรฟันจำเลยถูกที่แก้มแล้วจะฟันซ้ำจำเลยจึงชักปืนพกสั้นยิงไปหลายนัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส การที่จำเลยใช้ปืนยิงในขณะที่ถูกผู้เสียหายกับพวกรุกไล่ติดตามฟันในระยะกระชั้นชิดเป็นพัลวันอยู่เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2511 เวลากลางคืน จำเลยมีอาวุธปืนสั้นขนาด 9 ม.ม. ใช้ยิงได้ ไม่มีเลขหมายทะเบียนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายอ้วนแก้วศรี และนายอุดม พุกพัก โดยเจตนาฆ่า นายอ้วนถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย นายอุดมบาดเจ็บสาหัสไม่ถึงตาย เหตุเกิดที่ตำบลตลิ่งชันอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 3 สั่งคืนซองปืน มีดดาบแก่เจ้าของ

นายอุดม พุกพัก ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยให้การรับว่ามีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตตามฟ้อง แต่ไม่ได้ใช้ยิงนายอ้วนและนายอุดม

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยยิงนายอ้วน และจำเลยยิงนายอุดมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 3 ให้ลงโทษกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ในฐานะที่ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 68, 69 จำคุก 3 ปี ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยยิงนายอุดมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดกระทงเดียวตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี ซองปืนสั้นกับมีดดาบคืนเจ้าของ ให้ยกฟ้องโจทก์ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

พนักงานอัยการโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้จำเลยไม่ได้เพราะหาตัวไม่พบ ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนมาให้ศาลฎีกาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216และ มาตรา 201

ศาลฎีกาเห็นว่า ในชั้นฎีกามีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเพียงว่า จำเลยจะต้องรับผิดฐานใช้ปืนยิงนายอุดมหรือไม่ นอกนั้นยุติไปแล้วข้อเท็จจริงเป็นอันรับกันว่าจำเลยได้ยิงนายอุดมครั้งนั้นจริง ปัญหาว่าการกระทำจะเป็นความผิดหรือไม่ จึงย่อมขึ้นอยู่กับเหตุที่จะดูต่อไปว่าการกระทำครั้งนั้นเป็นการป้องกันตัวเพียงไรหรือไม่ ถ้าฟังว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุก็ย่อมเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์เหตุผลตามถ้อยคำพยานแล้ว เห็นว่าเรื่องที่เกิดทำร้ายกันขึ้นครั้งนี้น่าเชื่อตามคำพยานจำเลยว่า นายอุดมกับพวกได้กลุ้มรุมเข้าทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยได้วิ่งหนีและใช้อาวุธปืนยิงไปเพื่อไม่ให้นายอุดมติดตามเข้าประชิดตัวทำร้ายจำเลยได้ การทำร้ายของจำเลยที่ทำกับนายอุดมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุเพราะมีดดาบที่นายอุดมเอาใช้รุกไล่ฟันจำเลยนั้นเป็นอาวุธยาวตั้ง 1 เมตร อันเป็นอาวุธที่ร้ายแรง หากจำเลยไม่ยิงสกัดการรุกไล่ไว้เสียบ้าง จำเลยก็อาจจะถูกทำร้ายถึงเสียชีวิตได้ ที่ฝ่ายนายอุดมเบิกความอ้างว่านายอุดมออกไปจากเวทีรำวงเพื่อจะไปดูว่ามีตำรวจมารักษาการหรือไม่ แล้วเผอิญไปเก็บตกดาบเล่มหนึ่งได้ในระหว่างทางนั้น ไม่น่าเชื่อ และเมื่อนายอุดมออกไปพบกับจำเลยเข้าแล้วครั้งนั้นตัวนายอุดมเองก็รับว่านายอุดมเป็นผู้ที่ถามหาตัวคนที่พูดให้ของลับเมื่อวันก่อน เป็นการแสดงว่าหนักไปในทางคนที่ถือดาบมาพูดโดยอาการท้าอย่างนั้นก็ได้เตรียมการที่จะมาเอาเรื่องอยู่แล้ว เมื่อจำไม่ได้แล้วจะมาถามหาอะไรนั้น จึงเป็นการกระตุ้นความในใจของคนที่จะเอาเรื่องอยู่แล้วให้เดือดดาลยิ่งขึ้น จึงได้เกิดผลมีการไล่ฟันกันขึ้น อันเป็นที่เชื่อได้ดังที่จำเลยนำสืบมา และการทำร้ายกันครั้งนั้นก็น่าเชื่อว่าฝ่ายนายอุดมคงจะได้มีพวกตามไปเป็นเพื่อนด้วยหลายคน จะถือว่าจำเลยใช้อาวุธซึ่งร้ายแรงยิงไปเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุนั้นยังไม่ถนัด เพราะการที่ผู้ไล่ทำร้ายมีทั้งพรรคพวกและถือมีดดาบยาวเข้ารุกไล่ติดตามฟันในระยะกระชั้นชิดเป็นพัลวันนั้น ถ้าผู้ถูกไล่ทำร้ายไม่ใช้ปืนยิงสกัดให้ผู้ไล่ทำร้ายต้องกลัวเกรงหรือหมดกำลังแล้ว ตนเองก็อาจจะต้องเสียชีวิตลงได้พอ ๆ กับการยิงด้วยปืนเหมือนกัน และผลจากการที่จำเลยยิงปืนไปหลายนัดในระยะที่ใกล้กับตัวผู้ไล่ทำร้าย แต่กระสุนคงถูกผู้ไล่ทำร้ายเพียงบางนัด ทั้งแผลที่ถูกบางแผลก็ไม่ใช่แผลที่ควรหมายยิงเอานั้น แสดงว่าจำเลยผู้ยิงได้ยิงโดยความตกใจกลัวจึงยิงส่ง ๆ ไปโดยรุกรนแต่จะหาโอกาสหนีไปให้พ้นเท่านั้น หาได้มีความมั่นหมายที่จะคิดทำเอาแก่ผู้ถูกยิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมานั้นจึงเป็นการชอบแล้ว

พิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์

Share