คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยให้โจทก์ลาออกแต่โจทก์ไม่ยอม อาจเป็นเพราะโจทก์ยังเสียดายตำแหน่งและค่าจ้างแม้จะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์โดยไม่ได้รับผลงานเท่าที่ควรก็เนื่องจากสมรรถภาพในการทำงานของโจทก์ลดน้อยถอยลงเพราะความบกพร่องของร่างกายและสมองถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ไม่ยอมลาออกเป็นการจงใจทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายอันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
การบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 582 นั้นต้องเป็นการบอกกล่าวเลิกจ้างอย่างเป็นกิจจะลักษณะและต้องกำหนดวันที่จะเลิกจ้างไว้ด้วยการที่จำเลยบอกโจทก์เพียงว่าจะเลิกจ้างโจทก์เท่านั้นยังไม่ชอบด้วยมาตรา 582

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุโจทก์ป่วยไม่อาจปฏิเสธงานได้ตามปกติโดยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยและไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการแบกกล่าวล่วงหน้าและจ่ายค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชน ไม่สามารถปฏิบัติงานให้แก่จำเลยได้ ต้องมีผู้แนะนำให้ปฏิบัติตลอดมา จำความอะไรไม่ได้ เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย เมื่อแนะนำให้ลาออกก็ไม่ยินยอม จำเลยจึงจำเป็นต้องเลิกจ้างโจทก์ และเป็นกรณีที่จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47(2) และในการเลิกจ้างจำเลยได้บอกกล่าวล่วงหน้าแล้วจึงไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่จำเลยให้โจทก์ลาออกแต่โจทก์ไม่ยอมลาออก อาจจะเป็นเพราะโจทก์ยังเสียดายตำแหน่งและค่าจ้างที่ได้รับอยู่ถึงแม้จะเป็นเหตุให้จำเลยต้องจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ทุกเดือนโดยไม่ได้รับผลงานเท่าที่ควรก็เป็นเพียงผลสืบเนื่องจากสมรรถภาพในการทำงานของโจทก์ลดน้อยถอยลงเพราะความบกพร่องของร่างกายและสมอง จึงถือไม่ได้ว่าการที่โจทกืไม่ยอมลาออกเป็นการจงใจทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายอันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47(2)

ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 บัญญัติให้ต้องบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าแก่ลูกจ้างที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการจ้างกันไว้ โดยให้บอกกล่าวเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้า โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านั้น ก็เพื่อให้โอกาสแก่ลูกจ้างได้รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะถูกเลิกจ้างเมื่อใดจะได้เตรียมหางานอื่นทำต่อไป และไม่เป็นการกระทบกระเทือนต่อรายได้ในการครองชีพการที่นายจ้างเพียงบอกว่าจะเลิกจ้างนั้น นายจ้างอาจจะกลับใจไม่เลิกจ้างก็ได้ จึงเป็นการไม่แน่นอน ลูกจ้างไม่อาจรู้ได้ว่าจะถูกเลิกจ้างหรือไม่ เมื่อใด และไม่สามารถเตรียมหางานใหม่ได้ในระยะเวลาอันควร ดังนั้น การบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการบอกกล่าวเลิกจ้างอย่างเป็นกิจจะลักษณะและต้องกำหนดวันที่จะเลิกจ้างไว้ด้วย การที่จำเลยบอกโจทก์เพียงว่าจะเลิกจ้างโจทก์เท่านั้นยังไม่ชอบด้วยมาตรา 582 ดังกล่าว จำเลยจึงต้องรับผิดจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์

พิพากษายืน

Share