คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ในบริเวณบ้าน ของผู้เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาดังนี้หากศาลฎีกา เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง แต่ฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องมีคนร้าย ลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปและต่อมายึดทรัพย์นั้นได้ใน บริเวณบ้านของจำเลยโดยจำเลยช่วยซ่อนเร้นและรับเอาไว้ซึ่ง ทรัพย์ของผู้เสียหายโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ฐานลักทรัพย์อันเป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว ศาลฎีกาลงโทษ จำเลย ฐานรับของโจรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2522

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2525 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับนายนูณหรืออ๊อด อิ่มเขียน ได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของนายพร เสมาด่านกลางผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร และได้ร่วมกันลักเอาเครื่องยนต์ไถนาจำนวน 1 เครื่องของผู้เสียหายผู้มีอาชีพกสิกรรมทำนาไป ทรัพย์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือหรือเครื่องจักรที่ผู้เสียหายมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม เหตุเกิดที่ตำบลใหม่อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 6 กันยายน 2525 เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยยึดเครื่องยนต์ของผู้เสียหายในบริเวณบ้านของจำเลยเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(12) จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง นายนูญหรืออ๊อด กับพวก ได้ร่วมกันลักเครื่องยนต์ไถนาของผู้เสียหายไปคดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกับนายนูญหรืออ๊อดกระทำความผิดหรือไม่ฯลฯ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนหามเครื่องยนต์ไถนาออกไปจากบริเวณบ้านผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายกับพวกจะติดตามรอยคนร้ายไปจนถึงบ้านจำเลยและต่อมาค้นพบเครื่องยนต์ไถนาในบริเวณบ้านจำเลย ก็ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้เพราะผู้เสียหายกับพวกเพิ่งออกติดตามคนร้ายหลังจากคนร้ายเอาทรัพย์ไปประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ การครอบครองเครื่องยนต์ไถนาของผู้เสียหายได้ขาดตอนไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามปรากฏว่าเครื่องยนต์ไถนาที่ถูกลักไปเมื่อเวลาประมาณ2 นาฬิกานั้นถูกฝังดินไว้ภายในรั้วบ้านของจำเลย ห่างจากตัวบ้านจำเลยเพียง2 วา และคนฝังได้ตกแต่งพื้นดินบริเวณที่ฝังอย่างเรียบร้อยจนผู้เสียหายกับพวกดูไม่ออกหรือไม่สงสัยว่าเครื่องยนต์ไถนาดังกล่าวถูกฝังอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งนายดาบตำรวจเชื่องใช้เหล็กแหลมแทงตามพื้นดินจึงพบว่าเครื่องยนต์ถูกฝังอยู่เมื่อผู้เสียหายกับพวกมาถึงบ้านจำเลยเมื่อเวลาประมาณ 6 นาฬิกา เครื่องยนต์ได้ถูกฝังในสภาพดังกล่าวแล้ว เห็นได้ชัดว่าถ้าจำเลยมิได้อนุญาตหรือช่วยเหลือแล้วคนฝังจะกระทำการดังกล่าวไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ช่วยซ่อนเร้นและรับเอาไว้ซึ่งเครื่องยนต์ไถนาของผู้เสียหาย โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรแม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันลักเครื่องยนต์ไถนาของผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจร ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 5แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2522

พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคหนึ่ง จำคุก 3 ปี

Share