คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 4 และให้ริบรถยนต์ของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางส่วนการยกฟ้องจำเลยที่ 4 คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วโจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางคดีนี้มีส่วนรู้เห็นในการใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการกระทำผิดของจำเลยอื่น ขอให้ริบของกลางนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันมีอาวุธปืน กระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และพกพาไปที่หมู่บ้าน เมืองและทางสาธารณะ โดยไม่รับอนุญาตและไม่ใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และไม่มีเหตุสมควรกับร่วมกันมีกัญชาแห้งอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งห้าได้พร้อมด้วยอาวุธปืน กระสุนปืน กัญชากับยึดรถยนต์ซึ่งเป็นพาหนะในการกระทำผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 91, 83 ริบของกลางทั้งหมด

จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 3 ริบปืนและกระสุนปืนของกลางให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 สำหรับรถยนต์ของกลาง แม้จำเลยที่ 4จะไม่มีความผิด แต่เป็นพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ

จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ริบรถยนต์ของกลาง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 4 และให้ริบรถยนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางส่วนการยกฟ้องจำเลยที่ 4 คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฉะนั้น โจทก์จะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางคดีนี้ มีส่วนรู้เห็นในการใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 3ขอให้ริบของกลาง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share