แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 3 และที่ 4 รื้อถอนเสารั้วและลวดหนามของโจทก์ร่วม ที่กั้นแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับที่ดินของโจทก์ร่วม ก็เพื่อก่อสร้างรั้วกำแพงอิฐบล็อกซึ่งมั่นคงถาวรและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแทนรั้วลวดหนามที่ปลูกสร้างมานานและมีสภาพเก่า เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และโจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมได้ประโยชน์จากการใช้รั้วใหม่มากกว่ารั้วลวดหนามเดิม การรื้อถอนเสารั้วและลวดหนามจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็ได้กระทำอย่างระมัดระวัง และไม่ปรากฏว่าทำให้เสารั้วและลวดหนามได้รับความเสียหาย ทั้งเมื่อรื้อถอนแล้วได้นำเสารั้วและลวดหนามซึ่งยังมีสภาพที่โจทก์ร่วมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกไปกองไว้ให้โจทก์ร่วมการกระทำของจำเลยทั้งสี่มิได้ทำให้เสารั้วและลวดหนามของโจทก์ร่วมเสียหายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้จ้างวานจำเลยที่ 3 และที่ 4ให้ร่วมกันยักย้ายหลักหินจำนวน 1 ต้น อันเป็นเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ระหว่างที่ดินของนางสำอางค์ มลิวัลย์ ผู้เสียหายกับที่ดินของจำเลยที่ 1 จากที่เดิมเข้าไปรุกล้ำในที่ดินของผู้เสียหายเพื่อถือเอาที่ดินของผู้เสียหายเป็นของจำเลยที่ 1และที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้จ้างวานจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์โดยรื้อถอน ทำลายเสารั้ว ลวดหนาม และฝาบ้านของผู้เสียหายจนเสียหายเป็นเงิน 10,000 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 91, 358, 363, 365
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสำอางค์ มลิวัลย์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ประกอบด้วยมาตรา 83 และ 84 ลงโทษปรับคนละ 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสี่ว่าการที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนเสารั้วและลวดหนามเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ คดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 7 ตำบลช่องสามหมอ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ และอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 435ตำบลเดียวกันของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 และที่ 2ว่าจ้างจำเลยที่ 3 และที่ 4 รื้อถอนเสารั้วและลวดหนามที่กั้นแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับที่ดินของโจทก์ร่วมเพื่อก่อสร้างรั้วกำแพงอิฐบล็อกกันแนวเขตที่ดินแทน แล้วนำเสารั้วและลวดหนามไปกองไว้ในสภาพที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก สำหรับปัญหาว่าการที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนและลวดหนามของโจทก์ร่วมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนเสารั้วและลวดหนามของโจทก์ร่วมที่กั้นแนวเขตที่ดินก็เพื่อก่อสร้างรั้วกำแพงอิฐบล็อกซึ่งมั่นคงถาวรและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแทนรั้วลวดหนามที่ปลูกสร้างมานานและมีสภาพเก่า เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และโจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมได้ประโยชน์จากการใช้รั้วใหม่มากกว่ารั้วลวดหนามเดิม การรื้อถอนเสารั้วและลวดหนามจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็ได้ทำอย่างระมัดระวัง และไม่ปรากฏว่าทำให้เสารั้วและลวดหนามได้รับความเสียหาย ทั้งเมื่อรื้อถอนแล้วได้นำเสารั้วและลวดหนามซึ่งยังมีสภาพที่โจทก์ร่วมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกไปกองไว้ให้โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยทั้งสี่มิได้ทำให้เสารั้วและลวดหนามของโจทก์ร่วมเสียหาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสี่ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1