คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 โดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ข้อเท็จจริงตามคำร้องขอและตามที่ผู้ร้องนำสืบไม่ทราบได้แน่ชัดว่าที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 เป็นที่ดินบางส่วนของที่ดิน น.ส.3 ที่ผู้ร้องครอบครองอยู่ ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำขอท้ายคำร้องขอได้ ศาลจึงต้องยกคำร้องขอของผู้ร้องแต่ไม่ตัดสิทธิของผู้ร้องที่จะยื่นคำร้องขอใหม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 ตำบลสากเหล็ก กิ่งอำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร โดยการครอบครองปรปักษ์

ศาลชั้นต้นได้ประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 ตำบลสากเหล็ก อำเภอนครป่าหมาก แขวงเมืองพิษณุโลกปัจจุบันเป็นกิ่งอำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร เนื้อที่ 18 ไร่ 40 ตารางวา โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 หรือไม่ เห็นว่าตามคำร้องขอของผู้ร้องไม่ได้แนบแผนที่ของที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 มาด้วยทั้งตามทางไต่สวนผู้ร้องก็มิได้ทำแผนที่แสดงลักษณะที่ตั้งและอาณาเขตของที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 ว่ามีรูปร่างอย่างไร ขนาดความกว้างและยาวของที่ดินแต่ละด้านกว้างยาวเท่าใด ตั้งอยู่ติดกับที่ดินแปลงใดบ้าง และอยู่ทับกับส่วนใดของ น.ส.3เล่ม 38 หน้า 138 สารบบเล่ม 39 ตำบลสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรเนื้อที่ 48 ไร่ 79 ตารางวา เอกสารหมาย ร.2 ของผู้ร้อง ผู้ร้องคงมีแต่ตัวผู้ร้องเบิกความลอย ๆ ว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาประมาณ 29 ปี โดยในขณะเข้าครอบครองนั้นผู้ร้องไม่ทราบว่าเป็นที่ดินมีโฉนดตราจอง ผู้ร้องได้ขอออก น.ส.3 สำหรับที่ดินที่ผู้ร้องครอบครองตาม น.ส.3 เอกสารหมาย ร.2 แต่ผู้ร้องไม่ได้เบิกความถึงว่าที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 อยู่ทับซ้อนในส่วนใดของที่ดิน น.ส.3 เอกสารหมาย ร.2ทั้งนายดำ พุกยอด นายสมคิด พุกยอด และนายอำนาจ วงศ์ศรีมณีกุล พยานผู้ร้องต่างเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ไม่ทราบว่าที่ดินที่ผู้ร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์นั้นมีเนื้อที่เท่าใดเป็นส่วนใดในที่ดินของผู้ร้อง ดังนั้น ข้อเท็จจริงตามคำร้องขอและตามที่ผู้ร้องนำสืบมายังไม่ทราบได้แน่ชัดว่าที่ดินโฉนดตราจองที่ 1022 เป็นที่ดินบางส่วนของที่ดิน น.ส.3 เอกสารหมาย ร.2 ที่ผู้ร้องครอบครองอยู่ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำขอท้ายคำร้องขอได้ จึงต้องยกคำร้องขอของผู้ร้องแต่ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะไม่ตัดสิทธิของผู้ร้องที่จะยื่นคำร้องขอใหม่

พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ร้องที่จะนำคำร้องขอมายื่นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148(3) ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกา ให้เป็นพับ

Share