คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยใช้กระแสไฟฟ้าทำอันตรายแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ยายของจำเลยและมีอายุถึง 56 ปี จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแม้จะเป็นกระแสไฟฟ้าเพียง 12 โวลต์ ก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือรู้สำนึกในการกระทำความผิดด้วยการดูแลรักษาพยาบาลหรือชดใช้ค่าเสียหายหรือขอขมาต่อผู้เสียหายแต่ประการใดจนเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้นำบันทึกของผู้เสียหายที่ระบุว่าไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยมาแสดง การกระทำดังกล่าวของจำเลยมิได้ทำด้วยความรู้สำนึกในการกระทำความผิด แต่ทำเพื่อประโยชน์ในทางคดีของตนเท่านั้น จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้เหล็ก 2 ขา ต่อเชื่อมกับสายไฟฟ้าต่อเข้ากับหม้อแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ เป็นอาวุธปล่อยกระแสไฟฟ้าจี้กดลำคอนางจันทร์ บุญยืนผู้เสียหายเป็นเวลา 1 ถึง 2 นาที เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์ของให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 1 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า การที่จำเลยใช้กระแสไฟฟ้าทำอันตรายแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ยายของจำเลยและมีอายุถึง 56 ปีจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แม้จะเป็นกระแสไฟฟ้าเพียง12 โวลต์ ก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือรู้สำนึกในการกระทำความผิดด้วยการดูแลรักษาพยาบาลหรือชดใช้ค่าเสียหายหรือขอขมาต่อผู้เสียหายแต่ประการใด จนเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้นำบันทึกของผู้เสียหายที่ระบุว่าไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยมาแสดง การกระทำดังกล่าวของจำเลยมิได้ทำด้วยความรู้สำนึกในการกระทำความผิดแต่ทำเพื่อประโยชน์ในทางคดีของตนเท่านั้นกรณียังไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share