คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2),160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถยนต์ฝ่าฝืนกฎจราจรย้อนทางลงทางด่วนขึ้นไปในขณะเมาสุรา ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยไปชนรถยนต์ของผู้เสียหายและทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4),157 เมื่อเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2540 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 5 ผ – 2895 กรุงเทพมหานคร ไปตามทางถนนสุขุมวิท 50ในขณะเมาสุรา อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ เมื่อขับไปถึงทางลงทางด่วนสายรามอินทราอาจณรงค์ จำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังดูให้ดีเสียก่อนว่า ทางลงทางด่วนดังกล่าวเป็นเส้นทางสำหรับลงทางด่วนเข้าถนนสุขุมวิท 50 มิใช่ทางขึ้นทางด่วนจากถนนสุขุมวิท 50 ซึ่งจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวย้อนเส้นทางขึ้นทางลงของทางด่วนดังกล่าว ขณะเดียวกันมีรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4 จ – 1137 กรุงเทพมหานคร ซึ่งพันตำรวจโทมนต์ชัย วรพันธ์ ผู้เสียหาย เป็นผู้ขับ ขับมาจากทางด่วนตามทิศทางเครื่องหมายจราจร จึงเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับชนกับรถยนต์ที่ผู้เสียหายขับบนทางลงทางด่วนดังกล่าว ทำให้รถยนต์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหายและเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2)(4), 157, 160

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2)(4), 157, 160 เรียงกระทงลงโทษ ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 2 เดือน และฐานขับรถในขณะเมาสุรา จำคุก 1 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุก 1 เดือน 15 วัน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่โดยจำเลยอ้างว่า การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทอันเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและก่อให้เกิดผลโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ของจำเลยไปชนรถยนต์ของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ตามมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น เห็นว่า การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถยนต์ฝ่าฝืนกฎจราจรย้อนทางลงทางด่วนขึ้นไปในขณะเมาสุรา ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยไปชนรถยนต์ของผู้เสียหายและทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกัน และเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว และเห็นว่าสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษให้แก่จำเลยอันจะเป็นผลดีกว่าการลงโทษจำคุกในระยะสั้น แต่เพื่อให้จำเลยระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องความประพฤติเห็นสมควรกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติและลงโทษปรับเพื่อให้รู้สำนึกถึงการถูกลงโทษด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2)(4), 157, 160 วรรคสาม เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 เดือนปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 2,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติประจำศาลแขวงพระโขนงทุก 3 เดือน เป็นเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Share