คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4152/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตีทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายติดตามเข้าไปทำร้ายจำเลยกำลังติดพันอยู่ จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกตีทำร้ายผู้ตายได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ไม้ตีทำร้ายนายแดง ทองนากที่บริเวณใบหน้าและศีรษะเป็นเหตุให้โหนกแก้มยุบ ดั้งจมูกยุบ กะโหลกศีรษะแตกถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ริบไม้ของกลาง

จำเลยให้การว่า กระทำไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจะเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 จำคุก 8 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 6 ปี ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 จำคุก 5 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามพฤติการณ์ที่จำเลยตีทำร้ายผู้ตายถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย นั้น จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 2 คน ผู้ตายชอบดื่มสุรา เมื่อมึนเมาสุรามักจะมีเรื่องทะเลาะกับจำเลยเสมอมา วันเกิดเหตุผู้ตายดื่มสุราจนมึนเมาแล้วกลับมาบ้าน จำเลยต่อว่าผู้ตาย จึงเกิดทะเลาะกัน ผู้ตายทุบตีจำเลย จำเลยหนีออกจากบ้านเดินไปทางหน้าบ้านนางเล็ก ผู้ตายติดตามไปทุบตีและกัดจำเลยจึงมีการตบตีกันขึ้น นางเล็กได้ลงไปห้ามคนทั้งสอง เมื่อจำเลยสบัดแขนหลุดได้เดินหนีไป ผู้ตายคว้าไม้ไผ่สำหรับหามโอ่งวิ่งไล่ตามไปตีทำร้ายจำเลย จำเลยแย่งไม้ไผ่จึงใช้ไม่นั้นตีทำร้ายผู้ตายโดยหวดไปเต็มแรงด้วยโทสะของจำเลยตามลักษณะของบาดแผล จำเลยตีผู้ตายถูกที่หน้าผาก ที่คิ้วซ้าย ที่โหนกแก้มซ้ายขวาและที่จมูก ตามพฤติการณ์เห็นว่าจำเลยตีทำร้ายยผู้ตายในขณะที่ผู้ตายติดตามเข้าไปทำร้ายจำเลย กำลังติดพันอยู่ จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกตีทำร้ายผู้ตายได้อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share