คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4417/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว ส. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ถึงแก่กรรม บ.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งคำร้องของ บ. โดยพิพากษาคดีไปเลย ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ บ. เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์แล้ว การที่ศาลล่างกำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ เกินกว่าอัตราค่าทนายความตามตาราง 6ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกามีอำนาจกำหนด เสียใหม่ให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำนวน55,000 บาท ขอให้ชำระพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ หากมีความเสียหายก็ไม่มากตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางสง่า มีศรีเข้าเป็นคู่ความแทนที่ หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว นางสง่า มีศรีถึงแก่กรรม นายบุญมา มีศรี ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้าน ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเรื่องการขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่และพิพากษาคดีไป จึงถือว่าศาลอุทธรณ์ให้นายบุญมา มีศรี เข้าเป็นคู่ความแทนที่นางสง่า มีศรี แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์1,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้อง แต่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าทนายความให้จำเลยใช้แทนโจทก์ 3,000 บาทและ 1,000 บาทตามลำดับนั้น เกินกว่าอัตราค่าทนายความที่กฎหมายกำหนดจึงเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แทนโจทก์ 2,000 บาทและ 800 บาทตามลำดับ

Share