คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5355/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. นำเช็คซึ่งตนเป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมาขายลดแก่โจทก์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2526 โดยจำเลยที่ 3 ลงชื่อสลักหลังและประทับตราของ บริษัทจำเลยที่ 1 เช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายวันที่25 พฤษภาคม 2526 กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาขายลดเช็คอันจะต้องรับผิด ต่อโจทก์ด้วยการที่โจทก์นำเช็คดังกล่าวมาฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย ก็โดยอาศัยมูลหนี้ที่เกิดจากความรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาท ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2529 คดีจึงขาดอายุความ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้ จำเลยที่ 1 ล้มละลาย โดยอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 3ลงลายมือชื่อร่วมกับนายประโยชน์ แซ่ลี้ และประทับตราบริษัทเป็นสำคัญนายประโยชน์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2526 ศาลตั้งให้จำเลยที่ 3เป็นผู้จัดการมรดก ประมาณวันที่ 25 เมษายน 2526 นายประโยชน์และจำเลยที่ 3ได้ร่วมกันออกเช็คลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2526 สั่งจ่ายเงินจำนวน 500,000 บาทในนามของจำเลยที่ 1 และในนามส่วนตัวมาขายลดเช็คแก่โจทก์ นายประโยชน์ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย และจำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คและประทับตราของจำเลยที่ 1 ตอมาวันที่ 16 สิงหาคม 2526 โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เหตุผลว่า “ผู้สั่งจ่ายถึงแก่กรรม” โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสามไม่ชำระ ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2โดยจำเลยที่ 3 ได้โอนทรัพย์แก่ทายาทและเจ้าหนี้ทั้งหลายเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้เพราะจำเลยทั้งสามมีหนี้สินล้นพ้นตัว จำเลยที่ 3 หลบหนีไปจากเคหสถานที่เคยอยู่ปล่อยให้บุคคลอื่นเข้าดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 พฤติการณ์ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย และพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติล้มละลายต่อไป

จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การและไม่สืบพยาน

จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ นายประโยชน์ไม่เคยขายลดเช็คแก่โจทก์ ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและลายมือชื่อสลักหลังเป็นลายมือปลอมฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คดีไม่ขาดอายุความให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาหรือมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 1

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่า นายประโยชน์นำเช็คตามฟ้องมาขายลดแก่โจทก์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2526 โดยนายประโยชน์เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายในเช็คนั้น ส่วนจำเลยที่ 3 ลงชื่อสลักหลังและประทับตราของจำเลยที่ 1 เท่านั้นเห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญาขายลดเช็คอันจะต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย แต่เห็นได้ชัดว่ามูลหนี้ที่แท้จริงเกิดจากความรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาทนั่นเอง ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 วันที่ลงในเช็คหรือวันถึงกำหนดสั่งจ่าย คือ วันที่ 25 พฤษภาคม 2526 โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 16กรกฎาคม 2527 คดีขาดอายุความ โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ดังกล่าวได้

พิพากษายืน

Share