คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3735/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ พ้นกำหนดโจทก์ไม่นำส่ง ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งแต่ศาลอุทธรณ์กลับพิจารณาและพิพากษาคดีไป โดยมิได้มีคำสั่งเรื่องโจทก์มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา มาตรา 243(2) จำเลยฎีกา ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 53,656.25 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 50,500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ให้ผู้อุทธรณ์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ว่าพ้นกำหนด 15 วัน โจทก์หรือผู้แทนโจทก์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนมาศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งศาลอุทธรณ์กลับพิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยมิได้มีคำสั่งเรื่องโจทก์มิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปโดยมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณามาตรา 243(2) สมควรให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย.

Share