คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปเอาทรัพย์สินซึ่งเก็บรักษาอยู่ในบ้านได้แล้วออกจากบ้านวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพวกที่จอดรอดอยู่หลบหนีไปเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336ทวิ ที่แก้ไขแล้ว และริบรถจักรยานยนต์ของกลางทั้งสองคันที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 6 ปี ริบรถจักรยานยนต์ของกลางทั้งสองคัน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางทั้งสองคัน นอกจากที่แก้ให้เป้นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองได้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายแล้วเปิดประตูระเบียบหน้าบ้านผู้เสียหายวิ่งหนีไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 2 คันซึ่งมีคนร้ายอีก 2 คนจอดรออยู่หลบหนีไปปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้คงมีเพียงว่า รถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินอันพึงริบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาอยู่ในบ้านไปได้แล้วจึงออกจากบ้านผู้เสียหายวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้วจึงหลบหนีไปโดยใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ของกลางมิได้มีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงไม่ใช่ทรัพย์สินอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1)
พิพากษายืน.

Share