แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะมีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวที่เบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย แต่พยานก็ได้เห็นเหตุการณ์ในเวลากลางวันไม่มีเหตุสงสัยว่าจะจำคนร้ายผิดตัว หลังเกิดเหตุประจักษ์พยานดังกล่าวก็ได้แจ้งต่อภริยาผู้ตายทันทีว่าจำเลยเป็นคนร้าย นอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานอีกปากหนึ่งเห็นจำเลยถือปืนพกวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งมีพวกจำเลยเป็นผู้ขับแล้วพากันหลบหนีไป พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์มีประจักษ์พยาน 1 ปาก คือนายลิ่มเส้งมี ที่เบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงผู้ตาย 2 นัด ทางด้านหลังจนถึงแก่ชีวิต ที่เกิดเหตุอยู่ในบ่อนไก่พยานได้เข้าไปดูการพนันชนไก่ในวันนั้นด้วยและอยู่ห่างผู้ตายเพียง3 วงเท่านั้น ประกอบกับเป็นเวลากลางวัน จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าพยานจะจำคนร้ายผิดตัว และหลังเกิดเหตุพยานก็ได้แจ้งให้นายเฟือ เส้งมีภริยาผู้ตายยทันทีว่าใครเป็นคนร้าย นอกจากนี้นายกล่ำ เส้งมี พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็เห็นจำเลยถือปืนพกสั้นวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งมีพวกของจำเลยเป็นผู้ขับแล้วพากันหลบหนีไป การที่โจทก์ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความสนับสนุนนอกจากภริยาและญาติของผู้ตาย ก็น่าเชื่อว่าเป็นเพราะจำเลยเป็นหลานของนายเยื้อง นวลปาน กำนันท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งนับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่ในท้องถิ่นดังจะเห็นได้จากการกระทำของจำเลยที่กล้าเข้าไปยิงผู้ตายถึงในบ่อนไก่อันเป็นที่ชุมชนต่อหน้าบุคคลอื่นในเวลากลางวันแสก ๆ โดยมิได้ยำเกรงต่อกฎหมายของบ้านเมือง ดังนั้นการที่ไม่มีผู้ใดยอมมาให้การเป็นพยานในสิ่งที่ตนรู้เห็นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่ถือเป็นข้อพิรุธอันจะทำให้คิดระแวงสงสัยไปว่าจำเลยอาจมิใช่คนร้ายในคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้มั่นคงว่า จำเลยเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในวันเกิดเหตุจริงศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.