แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้านอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันตั้งอยู่ที่ตำบลและอำเภอใดโดยไม่ได้ระบุว่าเป็นทางเข้าออกทางทิศใดของหมู่บ้าน ย่อมชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2526 เวลากลางวันติดต่อกันตลอดมาจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2526 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้บุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช่ร่วมกัน แล้วปลูกสร้างโรงเรือนที่อยู่อาศัยของจำเลยรุกล้าเข้าไปในทางสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว เป็นเนื้อที่ 11.38 ตารางเมตรโดยไม่มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย และมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่วันที่ 16 มีนาคม 2526 เวลากลางวัน จำเลยทราบคำสั่งของนายอำเภอเสนาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสั่งจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโรงเรือนที่ปลูกรุกล้ำดังกล่าวออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีเหตุอันสมควร เหตุเกิดที่ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2525(ที่ถูก 2515) ข้อ 11 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้เรียงกระทงลงโทษฐานบุกรุกจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานปรับ 500 บาท รวมจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,500 บาท รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินสาธารณะด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอันเป็นที่ดินของรัฐซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องดังกล่าวชัดเจนแล้วว่าที่ดินที่จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกสร้างโรงเรือน ตั้งอยู่ที่ตำบลใดอำเภอใด พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงต่อสู้คดี หาจำต้องระบุว่าเป็นทางเข้าออกทางทิศตะวันออกหรือตะวันตกดังที่จำเลยฎีกามาไม่ ดังนี้ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วย ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน