คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตั้งกรรมการสอบสวนพนักงานรถไฟซึ่งปฏิบัติงานในเขตสถานีรถไฟซึ่งโจทก์ประจำอยู่ด้วยทั้งหมดโดยมิได้ระบุตัวผู้ถูกกล่าวหา ต่อมาจำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุ(อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์) ตามระเบียบของจำเลยหลังจากนั้นคณะกรรมการรายงานผลการสอบสวนว่าโจทก์กระทำผิดโดยเรียกเก็บเงินค่ากรรมกรขนของขึ้นตู้สินค้าเกินกว่าที่ทางราชการกำหนด ดังนี้จำเลยมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุเป็นให้ออกจากงานไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการพิจารณาถึงที่สุดได้และต่อมาเมื่อผู้ว่าการของจำเลยทราบผลการสอบสวนแล้วเห็นว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบของจำเลยก็ย่อมมีอำนาจที่จะออกคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย ครั้งสุดท้ายเป็นหัวหน้ากรรมกรประจำสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ต่อมาจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุเพราะโจทก์อายุครบ 60 ปี หลังจากนั้นจำเลยเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวเป็นให้โจทก์ออกจากงานไว้ก่อนเพื่อรอการพิจารณาถึงที่สุด อ้างว่าโจทก์มีส่วนรู้เห็นในกรณีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ต่อมาจำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานฐานกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่เป็นความจริง การที่โจทก์ออกจากงานเพราะครบเกษียณอายุมีสิทธิได้รับบำเหน็จพิเศษ และการที่จำเลยไล่โจทก์ออกดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ไล่โจทก์ออก กับให้จำเลยจ่ายบำเหน็จและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไล่โจทก์ออกเพราะโจทก์ประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงเพราะผลการสอบสวนของคณะกรรมการฟังได้ว่าโจทก์เรียกหรือรับเงินค่าขนเหมาหลังในเขตไว้เกินจากอัตราที่ทางการกำหนด กรณีที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุนั้นเป็นวิธีปฏิบัติของจำเลย ต่อมาปรากฏว่าขณะที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้ประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงมีโทษถึงไล่ออกจากงาน จำเลยจึงมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมเป็นให้โจทก์ออกจากงานเพื่อรอฟังผลการสอบสวน เมื่อผลการสอบสวนของคณะกรรมการมีความเห็นว่าโจทก์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจำเลยจึงมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงาน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จและไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย ให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์เรียกเก็บเงินค่าขนสินค้าเกินอัตราที่กำหนดเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยย่อมมีอำนาจไล่โจทก์ออกจากงานได้จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินบำเหน็จพิเศษและค่าเสียหายแก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ได้ความว่าเมื่อวันที่ 25พฤษภาคม 2524 ขณะนั้นโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยประจำอยู่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ได้ลงข่าวเป็นทำนองว่าเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราชเรียกเก็บค่ากรรมกรขนของขึ้นตู้เกินกว่าอัตรา ครั้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2524จำเลยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนพนกังานรถไฟซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชทั้งหมดโดยมิได้ระบุตัวบุคคลผู้ถูกกล่าวหา ต่อมาจำเลยอาศัยระเบียบของจำเลยสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2526หลังจากนั้นคณะกรรมการรายงานผลการสอบสวนว่าโจทก์ได้กระทำผิดโดยเรียกเก็บค่ากรรมกรขนของขึ้นตู้สินค้าเกินกว่าทางราชการกำหนดจริงเป็นการประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีคำสั่งลงวันที่ 17สิงหาคม 2526 เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุเป็นให้โจทก์ออกจากงานไว้ก่อน เรื่องรอการฟังผลการพิจารณาคดีถึงที่สุด เมื่อผู้ว่าการจำเลยทราบผลการสอบสวนแล้ว เห็นว่าโจทก์ได้ประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงได้ออกคำสั่งลงวันที่ 26 เมษายน 2527 ไล่โจทก์ออกจากงานฐานกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุหรือเกษียณอายุไว้ล่วงหน้านั้น เป็นระเบียบของจำเลยที่ให้ปฏิบัติต่อพนักงานหรือลูกจ้างที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์เพื่อตรวจสอบอัตรากำลังและตรวจสอบในเรื่องการเงิน ซึ่งเมื่อผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่จำเลยแต่งตั้งขึ้นเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดได้รายงานต่อผู้ว่าการของจำเลยว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จำเลยย่อมมีอำนาจที่จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุเป็นให้ออกจากงานไว้ก่อนเพื่อฟังผลการพิจารณาถึงที่สุดได้ เพราะขณะที่จำเลยออกคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุนั้น จำเลยยังไม่ทราบผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่เกี่ยวกับโจทก์ เนื่องจากการสอบสวนกรณีของโจทก์เป็นการสอบสวนที่ไม่ได้ระบุตัวบุคคลไว้โดยเฉพาะ ไม่อาจที่จะมีคำสั่งเกี่ยวกับโจทก์เป็นอย่างอื่นได้จึงต้องออกคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานสูงอายุไปตามระเบียบก่อน ต่อมาเมื่อผู้ว่าการของจำเลยทราบผลการสอบสวนของคณะกรรมการแล้วเห็นว่าโจทก์ได้ประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบของจำเลยจริง ก็ย่อมมีอำนาจที่จะออกคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานตามระเบียบการขนส่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2499ตอนที่ 8 ข้อ 14 ก (8) ได้

พิพากษายืน

Share