คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องคดีในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก มีคำขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างผู้จัดการมรดกคนเก่ากับจำเลย และให้แก้ชื่อหลังโฉนดเป็นชื่อโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก แต่ปรากฎว่าในขณะนั้นที่ดินไม่ได้เป็นของจำเลยแล้ว เพราะได้จดทะเบียนโอนต่อไปยังคนภายนอกแล้ว กรรมสิทธิที่ดินไม่ได้คงอยู่กับจำเลย อันศาลอาจพิจารณาพิพากษาให้เพิกถอนเสียได้ คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่มีข้อที่ศาลจะพึงพิจารณาพิพากษาในเวลานั้น ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกของ ร.ต.โต๊ะ สืบต่อจากหลวงสกลรักษาเขตต์ ตามคำสั่งศาล ในระหว่างที่หลวงสกลรักษาเขตต์เป็นผู้จัดการมรดก ร.ต.โต๊ะอยู่นั้น หลวงสกลรักษาเขตต์ได้ขายที่ดินของกองมรดกให้แก่จำเลยซึ่งเป็นภรรยาของหลวงสกลรักษาเขตต์เอง เป็นเหตุให้ทายาทเสียหายและเสียเปรียบเป็นการกระทำโดยสมยอม เป็นปฏิบัติปักษ์ต่อกองมรดก จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจและต้องห้ามตามกฎหมาย ไม่มีผลผูกพันทายาทและกองมรดก จึงขอให้ศาลเพิกถอนทำลายนิติกรรมซื้อขายรายนี้เสีย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ซื้อที่ดินไว้โดยสุจริตโจทก์ไม่ใช่เจ้าหนี้ ไม่มีอำนาจฟ้อง และว่าฟ้องขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยรับซื้อที่มรดกไว้น่าจะเป็นการสมยอมกันระหว่างหลวงสกลรักษาเขตต์กับจำเลย ฯลฯ จึงพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายรายนี้เสีย ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องมีคำขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างหลวงสกลรักษรเขตต์กับจำเลย และให้แก้ชื่อหลังโฉนดเป็นชื่อโจทก์ ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก แต่ปรากฎว่าขณะนี้ที่ดินไม่ได้เป็นของจำเลย เพราะได้จดทะเบียนโอนต่อไปยังคนภายนอกแล้ว กรรมสิทธิที่ดินไม่ได้คงอยู่กับจำเลย อันศาลอาจพิจารณาพิพากษาให้เพิกถอนเสียได้ คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีข้อที่ศาลจะพึงพิจารณาพิพากษาในเวลานี้
จึงพิพากษาใหด้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง และยกฟ้องโจทก์

Share