คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่ บัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำความผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกที่ลงต้องไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ มิได้บัญญัติว่าให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีดังมาตรา 91 เดิม ดังนั้น เมื่อจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันและศาลลงโทษจำเลยในความผิดฐานแรกให้จำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงต้องนำโทษในความผิดฐานอื่นมารวมด้วยโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี แต่คงจำคุกจำเลยเพียงตลอดชีวิตตามมาตรา 91(3) ที่แก้ไขใหม่.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 กุมภาพันธ์ 2526จำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำความผิดขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯ พระราชบัญญัติฝิ่น ฯ และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ที่ 5มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯ และพระราชบัญญัติฝิ่นฯ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษฐานมีมอร์ฟีนและโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุกจำเลยไว้คนละตลอดชีวิตฐานมีฝิ่นไว้ในครอบครองเพื่อขายให้จำคุกคนละ 20ปีเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีรวมจำคุกคนละ 70ปีลดโทษให้จำเลยที่ 4 กึ่งหนึ่งจำเลยที่ 5 หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 35 ปีจำเลยที่ 5 มีกำหนด 46 ปี 8 เดือนจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ปรับ 1,000 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 คำขอโจทก์นอกนั้นให้ยก โจทก์และจำเลยที่ 5 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฯ และพระราชบัญญัติฝิ่น ฯ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษฐานมีมอร์ฟีนและโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ไว้ตลอดชีวิตฐานมีฝิ่นไว้ในครอบครองเพื่อขายให้จำคุกคนละ 20 ปีเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุกคนละ 50 ปีรวมจำคุกคนละ 70 ปีให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ที่แก้ไขใหม่คงจำคุกจำเลยที่1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 50 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3และที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 4 มียาเสพติดให้โทษและฝิ่นดิบของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและต้องมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ‘ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มายังไม่ถูกต้องคดีนี้เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 บัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำความผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแต่เมื่อรวมทุกกระทงแล้วโทษจำคุกที่ลงโทษต้องไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ไม่ได้บัญญัติว่าถ้าความผิดกระทงใดมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกห้าสิบปีเหมือนมาตรา91 เดิมดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3โดยเปลี่ยนโทษฐานมีมอร์ฟีนและโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50ปีแล้วเรียงกระทงลงโทษกับความผิดฐานมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นการไม่ชอบเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เฉพาะการปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3เป็นว่าไม่เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฐานมีมอร์ฟีนและโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกห้าสิบปีและเมื่อรวมกับโทษฐานมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 20 ปีคงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91ที่แก้ไขแล้วแต่เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไว้คนละ 50 ปีตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.

Share