แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับคำคู่ความไว้เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2529 บัดนี้โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ผู้ร้องไม่ประสงค์ที่จะขอเข้าเป็นคู่ความในคดีนี้ต่อไป จึงขอถอนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโปรดอนุญาต
หมายเหตุ ทนายโจทก์และทนายจำเลยต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 101 แผ่นที่ 1 และแผ่นที่ 3)
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาต ศาลแรงงานกลางเรียกนางสาวพัฒนา โยธินพัฒนานายหาญชัยสุขวุฒิพงษ์และนายสถาพรจิตรานุเคราะห์ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำขอของโจทก์ และให้เรียกว่าจำเลยที่ 10 จำเลยที่ 11และจำเลยที่ 12 ตามลำดับ และต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 12ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาต
สืบเนื่องจากผู้ร้องทั้งสามร้องสอดเข้ามาในคดีว่า ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการบริหารกองทุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันของพนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งภาคพื้นเอเซียและแปซิฟิค ประจำปี 2529/2530 เห็นว่าหากศาลมีคำพิพากษาให้กองทุนต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ ผู้ร้องในฐานะผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารกองทุนจะต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาจากเงินกองทุนที่ผู้ร้องถือหุ้นอยู่ด้วย เป็นการจำเป็นเพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของผู้ร้องและกองทุนให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองตามกฎหมาย และเพื่อพิสูจน์ความผิดของโจทก์ที่ได้กระทำผิดกฎระเบียบ ข้อบังคับของกองทุนอันเป็นเหตุให้กองทุนและผู้ร้องไม่ต้องรับผิดตามฟ้องต่อไป และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ฯลฯ
ศาลแรงงานกลางสั่งคำร้องว่า คำร้องของผู้ร้อง ไม่มีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) จึงไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องดังกล่าว โดยทนายความของผู้ร้องทั้งสามซึ่งมีอำนาจถอนฟ้องเป็นผู้ลงชื่อในคำร้อง
คำสั่ง
อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งสามถอนอุทธรณ์ได้ จำหน่ายคดีจากสารบบความ