คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนและกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ลงโทษบทหนักฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นนี้เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 จึงฎีกาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษจำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนลงกึ่งหนึ่งนั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 218.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีน จำนวน 17 หลอด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายโดยขายเฮโรอีน จำนวน1 หลอด และได้ร่วมกันมีกัญชาแห้งจำนวน 77 ห่อ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้งนี้โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วก่อนสืบพยานจำเลยเสร็จจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพบางข้อหาโดยจำเลยที่1 รับสารภาพฐานมีเฮโรอีน และกัญชาไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 2รับสารภาพฐานจำหน่ายเฮโรอีน ข้อหาอื่นคงให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนและกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักตามมาตรา 67 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพภายหลัง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกจำเลยที่ 1 แปดเดือน จำคุกจำเลยที่ 2 สามปีสี่เดือน ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนจำนวน 16 หลอด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย วางโทษจำคุกคนละ 5 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 1 หลอด วางโทษคนละ 5 ปีฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครอง วางโทษจำคุกคนละ 2 ปี รวมเป็นโทษจำคุกคนละ 12 ปี ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยคนละ 8 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ลงโทษบทหนักในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้
สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ขอให้ลดโทษให้จำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนลงกึ่งหนึ่งนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้…’
พิพากษายืน.

Share