คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยบุกรุกเข้าบ้านผู้เสียหาย เมื่อคนในบ้านรู้ตัวเรียกจำเลยให้ออกจากห้อง จำเลยกลับพังฝาห้องกระโดดลงจากบ้านหลบหนี ดังนี้การกระทำฐานบุกรุกสำเร็จลงแล้ว ส่วนการกระทำให้เสียทรัพย์เป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละกรรมกัน แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เรียงกระทงลงโทษ แต่เมื่อบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันศาลลงโทษ 2กรรมได้ ไม่เกินคำขอ.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกเข้าไปในเคหสถาน ฐานลักทรัพย์และฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 358, 362, 364 และ 365 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2525 มาตรา 11 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา365 จำคุก 6 เดือนผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 จำคุก 6 เดือนเรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 1 ปีคำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยมีผู้พิพากษาลงชื่อรับรองว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายและบุตรรู้ตัวเรียกให้จำเลยออกจากห้องจำเลยกลับพังฝาห้องกระโดดลงไปข้างล่างเพื่อหลบหนีถือได้ว่าการกระทำฐานบุกรุกสำเร็จลงแล้วส่วนการกระทำฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำขึ้นใหม่ภายหลังต่างเวลากันมิได้กระทำโดยเกิดจากกรรมเดียวกันจำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีกกรรมหนึ่งส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เรียงกระทงลงโทษจะลงโทษจำเลย 2 กระทงเป็นการพิพากษาเกินคำขอนั้น โจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันศาลจึงลงโทษ 2 กรรมได้ไม่เป็นการเกินคำขอดังที่จำเลยฎีกา ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว’
พิพากษายืน.

Share