แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้ว การที่พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้อง พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงได้ความว่าบริษัทจำเลยย้ายไปแล้วประมาณ10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน จึงถูกต้อง และเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดา ศาลชั้นต้นสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดา จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา79 แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับโดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อธนาคารแจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน เป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้าเพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เมื่อจำเลยยื่นคำขอภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาย่อมให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายกาณีที่ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถยนต์ที่นายวิสิษฐ์ขับ นายวิสิษฐ์ถึงแก่กรรมโจทก์ที่ 1, 2, 3 ซึ่งเป็นมารดา ภริยาและบุตรของผู้ตายตามลำดับจึงนำคดีมาฟ้อง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1เป็นเงิน 100,000 บาท โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นเงิน 310,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นจัดให้จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยถูกต้องแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยครั้งแรก พนักงานเดินหมายรายงานว่า ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาที่ระบุในฟ้องแต่พบบริษัทจำเลยปิดประตูใส่กุญแจทิ้งไว้ สอบถามบุคคลข้างเคียงแล้วได้ความว่าบริษัทจำเลย้ายไปแล้วประมาณ 10 วัน ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน..โจทก์ก็ยื่นคำแถลงว่าไปตรวจสอบหลักฐานจากสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าสำนักงานใหญ่ของจำเลยยังอยู่ที่เดิมจึงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์ส่วนกล่างได้… จำเลยเองก็ยอมรับว่าได้ย้ายภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในฟ้องไปแล้ว ที่เจ้าหน้าที่ศาลรายงานตามรายงานเดินหมาย… จึงถูกต้องและเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้โดยวิธีธรรมดา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของโจทก์ให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดาจึงถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 แล้ว…
จำเลยยื่นคำร้องภายหลัง 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับ โดยอ้างว่าเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องคดีเมื่อสหธนาคาร จำกัด แจ้งให้ทราบว่าศาลชั้นต้นสั่งอายัดเงิน ซึ่งเป็นการอ้างว่าเหตุที่ยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ล่าช้า เพราะมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้และจำเลยได้ยื่นคำขอภายใน 15 วันนับแต่พฤติการณ์ดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ซึ่งโจทก์ยังไม่มีโอกาสคัดค้านคำร้องของจำเลย จึงเห็นควรให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยเสียก่อนแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่วนคำร้อขอพิจารณาคดีใหม่.