แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยขอเลื่อนคดี ในชั้นสืบพยานจำเลยไปถึงสี่นัด โดยนัดแรกอ้างว่ายังไม่ได้ระบุพยานเอกสาร นัดที่สองและนัดที่สามอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่นและพยานจำเลยไม่มาศาล และนัดที่สี่อ้างว่า พยานจำเลยไม่มาศาล เพราะทนายจำเลยยังไม่ได้แจ้งวันนัดให้ทราบเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่า จำเลยประวิงคดี ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาแบ่งที่พิพาทออกเป็นสี่ส่วนให้โจทก์ทั้งสามและจำเลยได้คนละหนึ่งส่วน หากไม่สามารถแบ่งกันได้ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงินกันคนละหนึ่งในสี่ส่วน ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 6,750 บาทกับค่าเสียหายในปีต่อไปอีกปีละ 6,750 บาท จนกว่าจะเสร็จคดี
จำเลยให้การว่า จำเลยครอบครองที่พิพาททั้งหมดในฐานะเป็นเจ้าของมานานร่วม 10 ปี เพราะนางเตื้อยกให้จำเลยก่อนตายโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกภายหลังเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทและสั่งให้จำเลยนำสืบก่อนจำเลยเลื่อนคดีไปหลายนัด ในที่สุดศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและนัดสืบพยานโจทก์ต่อไป จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยมิได้ละเลยต่อคดีขอให้ไต่สวนแล้วเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและนัดสืบพยานจำเลยต่อไป
โจทก์แถลงคัดค้านว่า จำเลยประวิงคดีขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง แล้วสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จและพิพากษาให้โจทก์ทั้งสามชนะคดีตามฟ้อง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ. 2525 และปีต่อไปปีละ 5,000บาท จนกว่าจะบังคับคดีเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาทแทนโจทก์ทั้งสาม
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ 31 สิงหาคม 2525 ถึงวันนัดทนายจำเลยแถลงว่าจำเลยยังมิได้ระบุอ้างเอกสาร 2 ฉบับ ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาต เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยขอเลื่อนไปสืบพยานจำเลยตอนบ่ายอ้างว่าตอนเช้าทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่นและพยานจำเลยยังไม่มาศาลทนายโจทก์แถลงว่าติดธุระอื่นในตอนบ่าย จำเลยจึงขอเลื่อนคดีศาลอนุญาต ถึงวันนัดทนายจำเลยแถลงว่าติดว่าความคดีอื่นและพยานจำเลยไม่มาศาลเพราะป่วยขอเลื่อนคดีศาลให้เลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 เวลา 8.30 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยแถลงว่า พยานจำเลยไม่มาศาลเพราะทนายจำเลยลืมแจ้งวันนัดให้ทราบขอเลื่อนคดีไปอีก ศาลไม่อนุญาต และให้งดสืบพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าตัวจำเลยป่วยมาศาลไม่ได้ โจทก์แถลงว่าจำเลยประวิงคดีศาลชั้นต้นสั่งไต่สวน ทางไต่สวนจำเลยนำสืบว่า จำเลยไปหาทนายจำเลยที่บ้านแต่ไม่พบ ทราบจากผู้อื่นว่าศาลนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 เวลา 8.30 นาฬิกา ถึงวันนัดจำเลยป่วยท้องเสียได้ให้นายคลิด ไปบอกทนายจำเลย แต่นายคลิดไปบอกทนายจำเลยในตอนเย็นหลังจากศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วในวันดังกล่าวจำเลยไปให้สาธารณสุขสถานีอนามัยตำบลโนนสูง ตรวจอาการและออกบัตรประจำตัวผู้รับบริการตามเอกสารหมาย ร.1
โจทก์นำสืบว่า วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 จำเลยมิได้เจ็บป่วยจนไม่สามารถมาศาลได้
‘พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยขอเลื่อนคดีชั้นสืบพยานจำเลยไปถึงสี่นัด โดยนัดแรกอ้างว่ายังมิได้ระบุพยานเอกสารแต่ในที่สุดก็มิได้ระบุอ้างเอกสารเป็นพยาน นัดที่สองและนัดที่สามอ้างเหตุอย่างเดียวกันว่า ทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่นและพยานจำเลยไม่มาศาล และนัดที่สี่อ้างเหตุว่า พยานจำเลยไม่มาศาล เพราะทนายจำเลยยังไม่แจ้งวันนัดให้ทราบนั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยประวิงคดี ที่จำเลยว่า จำเลยไม่มาศาลในวันนัดที่สี่เพราะป่วยนั้น เห็นว่า หากป่วยจริงก็น่าจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอำเภอขุนหาญ ซึ่งสะดวกกว่าการไปรักษาตัวที่สถานีอนามัยตำบลโนนสูงที่อยู่ไกลกว่ามาก แม้จำเลยมีบัตรประจำตัวผู้รับบริการตามเอกสารหมาย ร.1 มาแสดงก็ไม่ทำให้คำพยานจำเลยมีน้ำหนัก เพราะการออกเอกสารหมาย ร.1 ให้ย่อมทำขึ้นภายหลังได้ ทั้งปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2526 ว่าทนายจำเลยแถลงว่ายังไม่ได้แจ้งวันนัดให้พยานจำเลยทราบ ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าตัวจำเลยป่วย ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน