คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6917/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเบิกความโดยไม่ได้ความว่าไก่ชนของผู้เสียหายพ้นขึ้นมาจากสุ่มไก่ แล้วหรือไม่ หรือจำเลยปล่อยไก่ชนในสุ่มไก่หรือปล่อยไว้บนลานดินนอก สุ่ม ไก่ อันจะเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยเอาไก่ชนของผู้เสียหายแยกออกจากสุ่มไก่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไก่ชนติดอยู่ภายในไม่สามารถนำเอาออกไปได้ เมื่อกรณียังมีข้อสงสัยต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นคุณแก่จำเลยคือจำเลยยังไม่ได้เอาไก่ชนของผู้เสียหายออกจากสุ่มไก่การกระทำของจำเลยจึงเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่การยึดถือเอาไก่นั้นยังไม่บรรลุผล จึงอยู่ในขั้นพยายามลักทรัพย์ เมื่อจำเลยลงมือกระทำความผิดในเวลากลางคืนโดยใช้ฉมวกเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม จึงเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยว่ามีความผิดตามมาตรา 339 วรรคแรก และวางโทษจำคุก 5 ปี แล้วลดโทษให้หนึ่งในสามคงเหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน ต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำของมาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ จำเลยเป็นฝ่ายอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ เมื่อจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองประกอบมาตรา 80 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยได้ไม่เกินโทษที่ศาลชั้นต้นวางไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ฉมวกเป็นอาวุธชิงทรัพย์เอาไก่ชน 1 ตัว ราคา 50 บาท ของนายคำดี อรรคนิตย์ ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 ริบฉมวกของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคแรก จำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ริบฉมวกของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันและมิได้โต้แย้งกันฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ผู้เสียหายขังไก่ชน 1 ตัว ของผู้เสียหายไว้ในสุ่มบริเวณกระท่อมนา ขณะนั้นไก่ร้องขึ้น ผู้เสียหายมองเห็นจำเลยอยู่ที่สุ่มไก่ถือฉมวกอยู่ในมือ และมีไฟฉายติดอยู่ที่หน้าผาก คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยชิงทรัพย์ไก่ชนของผู้เสียหายหรือไม่ ผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าผู้เสียหายอยู่ห่างจากสุ่มไก่ประมาณ 5 เมตร เห็นจำเลยใช้มือหยิบเอาไม้ที่วางบนสุ่มไก่ออกแล้วล้วงมือจับไก่ชนที่อยู่ในสุ่ม และได้ยินเสียงไก่ร้อง ส่วนจำเลยมีตัวจำเลยเบิกความว่าจำเลยออกไปหาปลามีข้องปลา ฉมวก และแบตเตอรี่ไฟฉายติดที่หน้าผากไปถึงบริเวณคลองส่งน้ำบริเวณนั้นน้ำไม่ท่วม แสงไฟฉายที่จำเลยส่องออกไป ทำให้ไก่ที่ถูกขังอยู่ในสุ่มไก่ตื่นและบินขึ้นไปชนไม้ที่วางอยู่บนสุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้ไก่บินออกไปจากสุ่ม ไม้ตกลงมา จำเลยจึงนำไม้ดังกล่าววางไว้ที่เดิมพอดีผู้เสียหายเดินเข้ามา เห็นว่าบริเวณที่สุ่มไก่ของผู้เสียหายวางอยู่เป็นลานดิน ผู้เสียหายว่าอยู่ใกล้กระท่อมของผู้เสียหายน้ำไม่ท่วมเมื่อจำเลยเดินหาปลาบริเวณคลองส่งน้ำก็ไม่มีเหตุที่จำเลยจะใช้ไฟส่องไปที่สุ่มไก่ของผู้เสียหายซึ่งอยู่บนลานดินและไม่มีน้ำท่วม ตามภาพถ่ายหมาย จ.10 และหากไม้ที่วางไว้บนสุ่มไก่ตกลง จำเลยไม่มีหน้าที่เข้าไปในลานดินแล้วหยิบไม้ดังกล่าวกลับเอาไปวางไว้บนสุ่มไก่ คำเบิกความของผู้เสียหายจึงน่าเชื่อกว่าคำเบิกความของจำเลย การที่จำเลยซึ่งหาปลาอยู่บริเวณใกล้เคียงเดินเข้าไปในลานดินบริเวณกระท่อมนาของผู้เสียหายในยามวิกาลแล้วเข้าไปที่สุ่มไก่ของผู้เสียหายเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาไม่สุจริตผู้เสียหายเบิกความเป็นพยานโจทก์ต่อไปอีกว่า เห็นจำเลยใช้ไฟฉายส่องดูไก่แล้วหยิบไม้ที่วางสุ่มไก่ออก และจับไก่ชนของผู้เสียหายในสุ่มไก่ขึ้นมา ผู้เสียหายจึงเข้าไปจับแขนจำเลยไว้ และบอกให้จำเลยไปหาผู้ใหญ่บ้าน จำเลยจะแทงผู้เสียหายด้วยฉมวกผู้เสียหายปล่อยแขนจำเลย จำเลยปล่อยไก่ชนของผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไป ประจักษ์พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายเบิกความได้ความเพียงเท่านี้ ไม่ได้ความว่าไก่ชนของผู้เสียหายพ้นขึ้นมาจากสุ่มไก่แล้วหรือไม่ ประกอบกับที่ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยปล่อยไก่ชนของผู้เสียหายแล้วจำเลยวิ่งหนีไปนั้น ไม่ได้ความว่าจำเลยคงปล่อยไก่ชนไว้ในสุ่มไก่หรือปล่อยไว้บนลานดินนอกสุ่มไก่ อันจะเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยเอาไก่ชนของผู้เสียหายแยกออกจากสุ่มไก่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไก่ชนติดอยู่ภายในไม่สามารถนำเอาออกไปได้ เมื่อกรณียังมีข้อสงสัยดังกล่าวต้องฟังข้อเท็จจริงให้เป็นคุณแก่จำเลยกล่าวคือต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังมิได้เอาไก่ชนของผู้เสียหายออกจากสุ่มไก่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่การยึดถือเอาไก่นั้นไปยังไม่บรรลุผลจึงอยู่ในขั้นพยายามลักทรัพย์ เมื่อจำเลยลงมือกระทำความผิดในเวลากลางคืน โดยใช้ฉมวกเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมจึงเป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 และศาลชั้นต้นก็ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ แต่กลับปรับบทลงโทษว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 339 วรรคแรก และวางโทษจำคุก 5 ปี แล้วลดโทษให้หนึ่งในสามคงเหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน ต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำของมาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 โจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยเป็นฝ่ายอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยได้ไม่เกินโทษที่ศาลชั้นต้นวางไว้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 แต่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share