คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5016/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยหลังจากนั้นเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 22(3) การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในคดีนี้เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะยื่นคำขอจำเลยหามีสิทธิยื่นไม่ การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 25 นั้น ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไว้ก่อนแล้ว คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา และศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปก่อนแล้วจึงยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายหลัง กรณีย่อมไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าวที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทนจำเลย.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายกรณีกระทำนอกเหนืออำนาจและประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติงาน
จำเลยขาดนัดในวันนัดพิจารณา และขาดนัดพิจารณา
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์คัดค้าน
วันนัดไต่สวน จำเลยแถลงว่าได้ถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจริง ศาลแรงงานกลางจึงมีคำสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า ตามที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ใช่เป็นการจัดการทรัพย์สินหรือเป็นการต่อสู้ ใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลย และหากจำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแรงงานกลางจะต้องสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 25 นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2533 ศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลาย หมายเลขดำที่ล.107/2533 คดีหมายเลขแดงที่ ล.114/2533 ระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด โจทก์ นายยง กิตติการุณย์ จำเลยหลังจากนั้นเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้ คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ (จำเลย) ในคดีล้มละลายดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 22(3) การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในคดีนี้เป็นการต่อสู้ คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นได้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนการที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนจำเลยตามมาตรา 25 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไว้ก่อนแล้วคดีอยู่ ในระหว่างพิจารณา ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในภายหลังแต่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2533เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2533 จำเลยจึงได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายหลังที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 25 ที่จะต้องแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีตามที่จำเลยอุทธรณ์
พิพากษายืน.

Share