คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งอายัดเงินที่บุคคลภายนอกต้องชำระให้จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 149 เมื่อต่อมาศาลสั่งให้ยกเลิกอายัดชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลย โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่ออายัดเงินแล้วไม่มีการจำหน่ายตามมาตรา 5 ข้อ 4 ท้าย ป.วิ.พ..

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จนายหน้าจำนวน20,916,354.56 บาท จำเลย และขอให้ใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวศาลชั้นต้นสั่งให้อายัดเงินจำนวน 15,916,354.56 บาท จากกรมทรัพยากรธรณีลูกหนี้ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาศาลสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอายัดดังกล่าว โดยโจทก์ได้คัดค้านไว้ก่อนแล้วในที่สุดโจทก์จำเลยตกลงกันได้และศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หลังจากนั้นศาลสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมการอายัดเงินแล้วไม่มีการจำหน่ายในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่ศาลมีคำสั่งอายัด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหมวด 3 ค่าฤชาธรรมเนียม มาตรา 149 วรรครแรก นั้น บัญญัติว่าค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ให้คู่ความผู้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ เป็นผู้ชำระ เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินที่กรมทรัพยากรธรณีต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ถือได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามมาตรานี้แล้ว เมื่อต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกอายัดชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดหรืออายัดเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวข้ออ้างของโจทก์ตามฎีกานั้น ไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนที่จะให้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัด ตามตาราง 5 ข้อ 4ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2499 มาตรา 33 นั้น ชอบแล้ว”
พิพากษายืน.

Share