คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4678/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์ชนลวดสลิง ที่ยึดโยงเสาอากาศวิทยุของโจทก์ทำให้เสาอากาศวิทยุล้มเสียหายใช้การไม่ได้ จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่โจทก์ยอมรับเอาเสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งใหม่แทนการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ตกลงกันไว้ หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงเป็นอันระงับสิ้นไป ตาม ป.พ.พ. มาตรา 321 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความประมาทชนถูกลวดสลิงยึดโยงเสาอากาศวิทยุของโจทก์ล้มลงได้รับความเสียหายใช้การไม่ได้ จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่กลับซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุโดยพลการและใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงิน 60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์เพราะนายวิโรจน์ เทพมณี มิใช่ตัวแทนโจทก์หรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ การกระทำระหว่างจำเลยกับนายวิโรจน์ เทพมณีนั้น โจทก์เข้าถือเอาสัญญาโดยที่โจทก์มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีสิทธิใดกับสัญญานั้นมาฟ้องจำเลยมิได้ โจทก์กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันจึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้จัดการซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุสื่อสารใช้การได้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับเอาผลงานที่จำเลยจัดการซ่อมแซมให้แล้วจำเลยจึงไม่ได้เป็นหนี้โจทก์อีก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่า เสาอากาสวิทยุเป็นของโจทก์โดยจำเลยยินยอมจะชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นเงิน 60,000 บาท แม้นายวิโรจน์ เทพมณีจะเป็นผู้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและลงลายมือชื่อไว้ในรายงานประจำวันดังกล่าว ก็ไม่ทำให้นายวิโรจน์เป็นเจ้าของเสาอากาศวิทยุที่ได้รับความเสียหาย ต่อมาโจทก์ได้ยอมรับการกระทำของนายวิโรจน์เท่ากับโจทก์ได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของนายวิโรจน์โจทก์จึงมีสิทธิเข้าถือประโยขน์ตามรายงานประจำวันนั้นซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ดจทก์เคยแสดงเจตนาจะให้จำเลยซ่อมเสาอากาศวิทยุขึ้นใหม่แทนการชดใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ติดตั้งเสาอากาศวิทยุขึ้นใหม่โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบล่วงหน้าและเจ้าหน้าที่โจทก์ได้ใช้เสาอากาศวิทยุของใหม่มาโดยตลอด แสดงว่าโจทก์รับเอาเสาอากาศวิทยุของใหม่แทนการชำระค่าเสียหาย แต่อุปกรณ์ในการติดตั้งเสาอากาศวิทยุของจำเลยมีอยู่ 4 รายการ ที่ยังไม่ได้มาตรฐาน คิดเป็นเงิน 31,000 บาท และค่าแรงเป็นเงิน 8,000 บาทพิพากษาให้จำเบลยชดใช้ค่าเสียหาย 39,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันและจำเลยมิได้โต้เถียงในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 10กันยายน 2526 จำเลยขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทชนลวดสลิงที่ยึดโยงเสาอากาศวิทยุของโจทก์ ทำให้เสาอากาศวิทยุล้มลงได้รับความเสียหายใช้การไม่ได้ จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่10 กันยายน 2526 ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.1 ต่อมาจำเลยได้ทำการติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้โจทก์ขึ้นใหม่แต่โจทก์คัดค้านว่าการติดตั้งเสาอากาศวิทยุของจำเลยใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคดีมีปัยหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 60,000บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.1 ให้โจทก์หรือไม่และโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด เห้นว่าหลังจากจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ต่อมาร้อยตรีวิชัย โพธิสุพรรณพงศ์ ปลัดจังหวัดรักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้แจ้งหใ้นายอำเภอกันทรลักษณ์สั่งให้จำเลยซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้แล้วเสร็จโดยด่วน ตามเอกสารหมาย จ.2และโจทก์ก้ได้แจ้งให้เรือตรีดนัย เกตุศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษสั่งให้จำเลยซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุให้อยู่ในสภาพเดิม ตามเอกสารหมาย ป.จ.3 ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี แสดงว่า โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 60,000 บาท จากจำเลยต่อไป คงประสงค์ให้จำเลยซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้ใหม่เท่านั้นนอกจากนี้ยังปรากฏว่า เมื่อมีการรายงานว่าการซ่อมแซมของจำเลยไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทางราชการ โจทก์ก็ไม่ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใด แต่กลับแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษเร่งรัดให้จำเลยรีบดำเนินการแก้ไขอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานและชำรุดทั้ง 4 รายการ โดยด่วนตามเอกสารหมาย ป.จ.4 ของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ใช้เสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งหใ้ใหม่มาโดยตลอด ส่อแสดงให้เห็นว่า โจทก์ยอมรับเอาเสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งให้ใหม่แทนการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ได้ตกลงกันไว้หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงเป็นอันระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคแรกจำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 60,000 บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.1 ให้โจทก์…”
พิพากษายืน.

Share