คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4678/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลังจากจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายของเสาอากาศวิทยุให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย คงประสงค์ให้จำเลยซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้ใหม่เท่านั้น อุปกรณ์การซ่อมแซมของจำเลยรายใดไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทางราชการ โจทก์ก็เร่งรัดให้จำเลยแก้ไขโดยไม่ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใด ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ใช้เสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งให้ใหม่มาโดยตลอด แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาเสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งให้ใหม่แทนการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ตกลงกันไว้ หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงเป็นอันระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรคแรก จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2526 จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความประมาทชนถูกลวดสลิงยึดโยงเสาอากาศวิทยุของโจทก์ล้มลงได้รับความเสียหายใช้การไม่ได้ จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่กลับซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุโดยพลการและใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงิน60,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โจทก์กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้จัดการซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุสื่อสารใช้การได้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับเอาผลงานที่จำเลยจัดการซ่อมแซมให้แล้ว จำเลยจึงไม่ได้เป็นหนี้โจทก์อีกขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 39,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกับ และจำเลยมิได้โต้เถียงในชั้นฎีกาฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน2526 จำเลยขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาทชนลวดสลิงที่ยึดโยงเสาอากาศวิทยุของโจทก์ ทำให้เสาอากาศวิทยุล้มลงได้รับความเสียหายใช้การไม่ได้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 60,000 บาท ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ 10 กันยายน2526 ต่อมาจำเลยได้ทำการติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้โจทก์ขึ้นใหม่แต่โจทก์คัดค้านว่าการติดตั้งเสาอากาศวิทยุของจำเลยใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 60,000 บาทตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์หรือไม่ และโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด เห็นว่า หลังจากจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ต่อมาร้อยตรีวิชัยปลัดจังหวัดรักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ได้แจ้งให้นายอำเภอกันทรลักษณ์สั่งให้จำเลยซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้แล้วเสร็จโดยด่วน และโจทก์ก็ได้แจ้งให้เรือตรีดนัยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษสั่งให้จำเลยซ่อมแซมเสาอากาศวิทยุให้อยู่ในสภาพเดิมแสดงว่า โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 60,000 บาท จากจำเลยต่อไป คงประสงค์ให้จำเลยซ่อมแซมและติดตั้งเสาอากาศวิทยุให้ใหม่เท่านั้น นอกจากนี้ยังปรากฏว่า เมื่อมีการรายงานว่าการซ่อมแซมของจำเลยไม่เป็นไปตามมาตรฐานของทางราชการ โจทก์ก็ไม่ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใด แต่กลับแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษเร่งรัดให้จำเลยรีบดำเนินการแก้ไขอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานและชำรุดทั้ง 4 รายการ โดยด่วน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ใช้เสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งให้ใหม่มาโดยตลอด ส่อแสดงให้เห็นว่า โจทก์ยอมรับเอาเสาอากาศวิทยุที่จำเลยติดตั้งให้ใหม่แทนการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ได้ตกลงกันไว้ หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจึงเป็นอันระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคแรก จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 60,000 บาท ตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์รวมเป็นเงิน 39,000 บาท นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.

Share