คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4604/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสองคืนเงินค่าภาษีอากรที่ได้ชำระไปแล้วตามหนังสือแจ้งการประเมินนั้น ศาลจะพิพากษาคืนให้โจทก์ได้ก็ต่อเมื่อการประเมินนั้นได้ถูกเพิกถอนไปแล้วเท่านั้น ตราบใดที่การประเมินของเจ้าพนักงานยังมีผลอยู่โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าอากรตามหนังสือแจ้งการประเมินการที่โจทก์ฟ้องขอให้คืนเงินค่าภาษีอากรที่ชำระไปตามหนังสือแจ้งการประเมินนั้นเป็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนการประเมินเป็นเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่ผลตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากรและเมื่อการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยังมีผลอยู่ เงินค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระไปตามหนังสือแจ้งการประเมินจึงเป็นการชำระหนี้ภาษีอากรที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดโจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะกล่าวอ้างขึ้นเป็นข้อเรียกร้องขอคืนได้ที่จำเลยทั้งสองไม่คืนเงินค่าภาษีอากรให้โจทก์จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดเป็นน้ำผสมแป้งถั่วเหลืองมีชื่อว่า “นมไวตามิลค์” ของโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าเพราะไม่เป็นเครื่องดื่มตามพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่มฯ แต่จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปชำระภาษีการค้าภาษีเทศบาลจากรายรับของการจำหน่ายนมไวตามิลค์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 – 2528 โจทก์ได้นำภาษีตามที่จำเลยที่ 1เรียกเก็บเป็นจำนวนทั้งสิ้น 186,034,835.92 บาท ไปชำระจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีอำนาจเรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีเทศบาลโดยวิธีให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เรียกเก็บให้ แล้วจำเลยที่ 2จึงรับมอบจากจำเลยที่ 1 ด้วยวิธีผ่านกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งจำเลยที่ 2 ก็ได้รับเงินดังกล่าวไปแล้วประมาณปลายเดือนเมษายน 2531 โจทก์ได้ทราบแน่ชัดว่าความจริงแล้วโจทก์ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีดังกล่าวตามกฎหมาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันและหรือแทนกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องเป็นเงินทั้งสิ้น226,565,034.79 บาท และชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 186,034,835.92 บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยทั้งสองชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์มีรายรับอันเนื่องมาจากการจำหน่ายนมไวตามิลค์ ซึ่งไม่เป็นเครื่องดื่มแต่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้บรรจุภาชนะหรือหีบห่อผนึก โดยมีชื่อการค้าหรือเครื่องหมายการค้าปรากฎอยู่บนหรือในภาชนะหรือหีบห่อที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก โจทก์จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลให้แก่จำเลยทั้งสอง เมื่อโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาตามกฎหมายแต่ได้นำเงินภาษีอากรที่ค้างดังกล่าวข้างต้นรวมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายมาชำระต่อจำเลยที่ 1 เป็นการถูกต้องครบถ้วน โจทก์ไม่มีสิทธิขอคืนเงินภาษีอากรจากจำเลยทั้งสองและไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย การที่จำเลยทั้งสองไม่คืนเงินภาษีอากรแก่โจทก์ย่อมเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอคืนเงินภาษีอากรตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การยุติว่า เงินค่าภาษีอากรที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองคืนให้นั้น เป็นเงินค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระไปตามหนังสือแจ้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน โดยที่โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 30 เห็นว่าคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสองคืนเงินค่าภาษีอากรที่ได้ชำระไปแล้วตามหนังสือแจ้งการประเมินนั้น ศาลจะพิพากษาคืนให้โจทก์ได้ก็ต่อเมื่อการประเมินนั้นได้ถูกเพิกถอนไปแล้วเท่านั้นตราบใดที่การประเมินของเจ้าพนักงานยังมีผลอยู่ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าอากรตามหนังสือแจ้งการประเมิน การที่โจทก์ฟ้องขอให้คืนเงินค่าภาษีอากรที่ชำระไปตามหนังสือแจ้งการประเมินนั้นเป็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนการประเมินเป็นเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่ผลตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากรและเมื่อการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยังมีผลอยู่เงินค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระไปตามหนังสือแจ้งการประเมินจึงเป็นการชำระหนี้ภาษีอากรที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด โจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะกล่าวอ้างขึ้นเป็นข้อเรียกร้องขอคืนได้ที่จำเลยทั้งสองไม่คืนเงินค่าภาษีอากรให้โจทก์จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาชอบแล้วอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share