แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อ ต่อมาผู้เช่าซื้อทำหนังสือยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงยอมผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นงวด ดังนี้เป็นความตกลงในการชำระหนี้โดยการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาชำระหนี้และจำเลยเงินที่จะชำระแก่กันเป็นงวด ๆ เมื่อหนี้ดังกล่าวยังไม่ได้ชำระโดยสิ้นเชิง หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อยังไม่ระงับฉะนั้นสัญญาค้ำประกันเงินค่าเช่าซื้อดังกล่าวก็ยังไม่สิ้นผลผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นความรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ และให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 244,628 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2ทำสัญญาค้ำประกันร่วมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม แล้วจำเลยที่ 2 ผิดสัญญาไม่ยอมชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ขอผ่อนชำระหนี้ที่ค้างให้แก่โจทก์ตามเอกสารหมายจ.6 แล้วจำเลยที่ 1 ไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าวอีก คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.6 เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ยอมรบว่าจำเลยที่ 1 ค้างชำระหนี้โจทก์เป็นเงิน244,328 บาท และจำเลยที่ 1 ขอผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 11 มกราคม 2527 เป็นเงิน 30,000 บาทวันที่ 30 มกราคม 2527 เป็นเงิน 30,000 บาท และวันที่10 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นเป็น 20,000 บาท ส่วนที่ค้างอยู่อีก164,328 บาท จำเลยที่ 1 ขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 10,344 บาทเริ่มชำระวันที่ 10 มีนาคม 2527 และทุกวันที่ 10 ของเดือนถัดไปจนครบถ้วน หากจำเลยที่ 1 ผิดสัญญายินยอมให้ฟ้องร้องชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดได้ทันที และย่อมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความและค่าเสียหายให้แก่โจทก์จึงเป็นความตกลงในการชำระหนี้โดยการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาชำระหนี้และจำนวนเงินที่จะชำระแก่กันเป็นงวด ๆ เท่านั้น เมื่อหนี้นั้นยังไม่ได้ชำระสิ้นเชิงแล้ว หนี้ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อยังไม่ระงับสัญญาค้ำประกันเงินค่าเช่าซื้อดังกล่าวยังไม่สิ้นผล จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันหาหลุดพ้นความรับผิดไม่”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์