คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3400/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะร้องต่อศาลให้พิจารณาและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 57
พนักงานอัยการยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ได้เกิดในราชอาณาจักรไทย บิดามารดาของผู้ร้องเป็นคนต่างด้าว ผู้ร้องจึงไม่มีสัญชาติไทย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยในผล พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อคำร้องขอต่อศาลเพื่อพิสูจน์สัญชาติหรือไม่ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า ผู้ร้องมิได้ขอพิสูจน์ว่าผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57 ได้บัญญัติไว้เป็นขั้นตอนว่า ผู้ที่จะขอพิสูจน์ว่าตนมีสัญชาติไทยจะต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเสียก่อน ต่อเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้วผู้นั้นไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะร้องขอต่อศาลให้พิจารณาก็ได้ ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งประสงค์ขอพิสูจน์สัญชาติไทย จึงต้องปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่กล่าวข้างต้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลให้พิจารณา และมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นคนมีสัญชาติไทยได้”
พิพากษายืน

Share