แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในการฟ้องให้จำเลยให้รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรมที่โจทก์พักและนำรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาจอดไว้ที่ลานจอดรถบริเวณโรงแรมโดยสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ท้ายฟ้องไม่มีลายมือของผู้ให้เช่าซื้อก็ไม่ทำให้ฟ้องเสียไป สัญญาเช่าซื้อทำขึ้นโดยชอบหรือไม่เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องนำไปสืบในชั้นพิจารณา บริษัท ส. ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมโดยมีจำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรม จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสำนักโรงแรมต้องรับผิดต่อโจทก์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 674,675 จำเลยจะอ้างไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะเป็นตัวแทนของบริษัท ส. ไม่ได้ ค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดในการที่รถยนต์ของโจทก์สูญหายคือราคารถยนต์ ซึ่งต้องถือเอาราคาที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่สูญหาย โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ผู้ให้เช่าซื้อบวกดอกเบี้ยไว้ในราคาด้วยทำให้ราคารถยนต์สูงกว่าราคาปกติที่ซื้อขายกัน การเสียดอกเบี้ยนั้นถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของผู้เช่าซื้อจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2527 โจทก์ได้นำรถยนต์กระบะยี่ห้อดัทสัน หมายเลขทะเบียน 21-1903 อุดรธานี ซึ่งเป็นรถยนต์ที่เช่าซื้อมาจากบริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาอุดรธานีจังหวัดอุดรธานี เข้าพักที่โรงแรมสีดาของจำเลยโดยได้นำรถคันดังกล่าวจอดในบริเวณโรงแรมพร้อมกับได้ฝากพนักงานซึ่งเป็นทายาทของโรงแรมไว้ ต่อมาปรากฏว่ารถคันดังกล่าวหายไป เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชำระหนี้ราคารถยนต์แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อเป็นเงิน175,100 บาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมสีดาต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง 150,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 150,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เข้าไปเช่าห้องพักโรงแรมสีดาโดยไม่ได้ฝากรถยนต์แก่พนักงานของโรงแรม ขณะรถยนต์ถูกคนร้ายลักไปรถยนต์อยู่ในความครอบครองของโจทก์ โรงแรมสีดาไม่ได้อยู่ในฐานะผู้รับฝากรถยนต์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้ระบุว่าพนักงานโรงแรมเป็นใคร โรงแรมสีดาเป็นของบริษัทสีดาชัย จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จำเลยเป็นเจ้าสำนักควบคุมจัดการโรงแรมอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนของบริษัทดังกล่าว จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์สัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้องทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ และไม่ต้องรับผิดต่อบริษัทสยามกลการ จำกัดจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน 30,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 150,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ในการผ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าสำนักโรงแรมที่โจทก์ไปพักอาศัยและได้นำรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาจอดไว้ที่ลานจอดรถในบริเวณโรงแรมและปรากฏว่ารถยนต์ได้หายไปนั้น ไม่มีกฎหมายใดบังคับให้ต้องแนบสัญญาเช่าซื้อมาพร้อมกับฟ้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 วรรคท้าย บังคับแต่เพียงว่า สัญญาเช่าซื้อถ้าไม่ทำเป็นหนังสือถือว่าเป็นโมฆะเท่านั้น การที่โจทก์แนบสัญญาเช่าซื้อมาท้ายฟ้องโดยในสัญญาไม่มีลายมือชื่อของผู้ให้เช่าซื้อนั้น ไม่ทำให้ฟ้องเสียไป และยังถือไม่ได้ว่าสัญญาเช่าซื้อทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและตกเป็นโมฆะ สัญญาเช่าซื้อทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือตกเป็นโมฆะหรือไม่นั้น โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา เพียงแต่ดูสำนาสัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้องเท่านั้น แล้วลงความเห็นว่าสัญญาเช่าซื้อไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือตกเป็นโมฆะนั้นยังไม่ได้… ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากบริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาอุดรธานีตามเอกสารหมาย ป.จ.1… ปัญหาต่อไปที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนั้นข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันและจำเลยไม่ได้ฎีกาโต้แย้งฟังเป็นยุติว่าโรงแรมสีดาเป็นของบริษัทสีดาชัยจำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย บริษัทสีดาชัย จำกัด ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงแรมสีดา โดยให้จำเลยเป็นเจ้าสำนักควบคุมจัดการโรงแรม ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 บัญญัติว่า เจ้าสำนักโรงแรม…จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย หากได้พามา และมาตรา 675บัญญัติว่า เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหาย หรือบุบสลายไปอย่างใด ๆ แม้ถึงว่าความสูญหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก ณ โรงแรม… ก็คงต้องรับผิด ฯลฯ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้มาพักอาศัยที่โรงแรมสีดาและได้นำรถยนต์คันพิพาทจอดไว้ที่ลานจอดรถในบริเวณโรงแรมแล้วต่อมารถยนต์คันดังกล่าวได้หายไปจำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าวจำเลยจะอ้างว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเพราะจำเลยเป็นตัวแทนบริษัทสีดาชัย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมไม่ได้… ที่จำเลยฎีกาในประการต่อมาว่า ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน150,000 บาท นั้นมากเกินไป โจทก์เสียหายไม่เกิน 30,000 บาทศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยนจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในการที่รถยนต์ของโจทก์ได้สูญหายไปนั้น ค่าเสียหายดังกล่าวก็คือราคารถยนต์ราคาของรถยนต์นั้นต้องถือเอาราคาที่อาจซื้อขายกันได้ตามปกติในเวลาที่รถยนต์สูญหาย แต่รถยนต์คันพิพาทโจทก์ซื้อมาโดยการเช่าซื้อผู้ให้เช่าซื้อบวกดอกเบี้ยเข้าไว้ในราคาด้วย ทำให้ราคารถยนต์สูงกว่าราคาปกติซื้อขายกัน การเสียดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าเป็นภาระส่วนตัวเป็นพิเศษของโจทก์ผู้เช่าซื้อ จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินส่วนที่เป็นดอกเบี้ย คดีนี้โจทก์จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่า รถยนต์คันพิพาทถ้าซื้อด้วยเงินสดจะมีราคาเท่าไร มีดอกเบี้ยรวมอยู่เท่าใด แต่ก็ได้ความว่ารถยนต์พิพาทโจทก์เช่าซื้อมาในราคา 245,300 บาท โจทก์ใช้รถยนต์มา 8 เดือนเศษ หากจะคิดหักดอกเบี้ยที่จะพึงมีออกและคิดค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ที่ใช้รถยนต์มา 8 เดือนเศษแล้ว โจทก์ขอคิดเพียง 150,000 บาท นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ราคารถยนต์ดังกล่าวที่โจทก์ขอมาเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาท นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน.