คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์จำนวน 57,508.20 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวน 38,464.76 บาท จึงมีประเด็นข้อพิพาทกันแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์เกินกว่าจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองให้การรับไว้หรือไม่ จำเลยที่ 1จะฎีกาว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ จำนวน 15,144.66 บาทซึ่งต่ำกว่าที่จำเลยทั้งสองให้การรับไว้ไม่ได้ เพราะมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินค่าซื้อสินค้าพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การในทำนองเดียวกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ซื้อสินค้าจากโจทก์หลายครั้ง มีการชำระค่าสินค้าด้วยเงินสดและเช็ค บางครั้งนำสินค้าที่ซื้อไปแล้วมาคืนโจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อหักบัญชีกัน จำเลยที่ 1 คงเป็นหนี้โจทก์คิดเป็นเงิน 38,464.76 บาท จำเลยที่ 1 จะรับผิดไม่เกินจำนวนดังกล่าวจำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ โจทก์ยอมผ่อนเวลาให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน62,788.20 บาท (ที่ถูก 62,738.20 บาท) พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน33,463.76 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ฎีกา ให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์จำนวน15,144.66 บาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์จำนวน 57,508.20 บาท เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับแล้วว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวน 38,464.76 บาทจึงมีประเด็นข้อพิพาทกันแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์เกินกว่าจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองให้การรับไว้หรือไม่ จำเลยที่ 1 จะมีฎีกาว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์จำนวน 15,144.66บาท ซึ่งต่ำกว่าที่จำเลยทั้งสองให้การรับไว้ไม่ได้ เพราะมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนในข้อที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์จำนวนเงิน 33,463.76 บาท แม้ต่ำกว่าที่จำเลยทั้งสองให้การรับไว้ แต่ไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหาข้อนี้ขึ้นมา แสดงว่าโจทก์พอใจที่จะให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์เพียงเท่านั้น ศาลฎีกาจึงไม่เห็นสมควรจะแก้ไขความรับผิดของจำเลยทั้งสอง แต่คงให้รับผิดต่อโจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 3 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้จำเลยที่ 1.

Share