คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีรับของโจรแม้จะฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางของผู้เสียหายไว้ โจทก์ก็จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยรับซื้อทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การที่โจทก์เพียงแต่นำสืบว่า อ. ลักรถจักรยานของผู้เสียหายไปขายให้แก่จำเลยและรถจักรยานของกลางของผู้เสียหายมีราคา 1,900 บาท จำเลยรับซื้อไว้ในราคา 370 บาท แต่ก็ไม่ได้ความว่ารถจักรยานของผู้เสียหายซื้อมานานเท่าใด และมีสภาพเก่าใหม่อย่างไร ที่จำเลยรับซื้อในราคา370 บาทนั้น เป็นราคาที่สมควรหรือไม่อย่างใด ทั้งไม่ได้ความว่าได้พบรถจักรยานที่จำเลยรับซื้อไว้ในลักษณะมีการปิดบังซ่อนเร้นหรือไม่อย่างไร จึงไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานที่ถูกลักมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังรับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคหนึ่ง ให้จำคุก 1 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรในคดีนี้ได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้แก่จำเลยในราคา 370 บาท แม้โจทก์จะนำสืบว่ารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมีราคา 1,900 บาท จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันนั้นในราคา 370 บาท แต่ก็ไม่ได้ความว่ารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซื้อมานานเท่าใด และมีสภาพเก่าใหม่อย่างไร ที่จำเลยรับซื้อในราคา 370 บาท นั้นเป็นราคาที่สมควรหรือไม่เพียงใด ร้อยตำรวจโทชูชาติ ด้วงแสง พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยเบิกความว่า จับกุมจำเลยและยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของกลางซึ่งก็ไม่ได้ความว่าได้ไปพบรถจักรยานยนต์ที่จำเลยรับซื้อไว้ในลักษณะเป็นการปิดบังซ่อนเร้นหรือไม่อย่างไร จึงไม่มีพฤติการณ์ใดที่แสดงว่า จำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์คันนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมา พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยคำพยานจำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.

Share