คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500ได้กำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จแก่พนักงานไว้ว่าพนักงานยาสูบมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเมื่อถึงแก่กรรม และการถึงแก่กรรมนั้นมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าวไม่ได้กำหนดว่าพนักงานที่ถึงแก่กรรมและไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จจะต้องเป็นการถึงแก่กรรมเพราะถูกบุคคลอื่นฆ่าตายเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ดังนั้นไม่ว่าพนักงานจะถึงแก่กรรมเพราะเหตุใดก็ตาม ถ้าเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงแล้วก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบนี้ การที่ ท. ใช้อาวุธปืนยิง ย. ในที่ทำงานและในเวลาทำงานล่วงเวลาของโรงงานยาสูบผู้เป็นนายจ้าง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในเวลาต่อเนื่องกันหลังจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ท. ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนถึงแก่ความตาย การฆ่าตัวตายของ ท. ก็เพื่อหนีความรับผิดจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง การถึงแก่กรรมของ ท.จึงเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ ท. จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 5 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายทองชุบ เอี่ยมจรูญ จำเลยเป็นเจ้าของกิจการโรงงานยาสูบ นายทองชุบเป็นลูกจ้างของโรงงานยาสูบ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม2531 นายทองชุบถึงแก่กรรมด้วยสาเหตุฆ่าตัวตาย มีอายุการทำงานถึงวันที่ถึงแก่กรรมรวม 26 ปี เมื่อนายทองชุบถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งห้าในฐานะทายาทมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จจำนวน 212,160 บาท ตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์โดยให้เหตุผลว่า จำเลยมีคำสั่งไล่นายทองชุบออกจากงานแล้ว เพราะประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบของโรงงานยาสูบ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินบำเหน็จแก่โจทก์ทั้งห้าเป็นเงิน 212,160 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 กันยายน 2531จนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ทุกคนไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 เพราะนายทองชุบ เอี่ยมจรูญ ได้ละทิ้งหน้าที่และกระทำผิดอาญาโดยใช้อาวุธปืนยิงนางยุบล ภาคยะวัธน์ ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยในระหว่างที่นางยุบลกำลังทำงานอยู่ จนนางยุบลได้ถึงแก่ความตายนายทองชุบเกรงกลัวความผิดจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายเพื่อหนีความผิดที่ได้ก่อขึ้น การยิงตัวตายของนายทองชุบเกิดขึ้นเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 ข้อ 3(ง)นอกจากนี้จำเลยได้มีคำสั่งไล่นายทองชุบออกจากงานตั้งแต่วันที่ 1สิงหาคม 2531 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุเพราะกระทำความผิดอย่างร้ายแรงจงใจทำให้โรงงานยาสูบได้รับความเสียหายและฝ่าฝืนข้อบังคับโดยชอบด้วยกฎหมายของโรงงานยาสูบ อันเป็นเหตุให้โรงงานยาสูบได้รับความเสียหายดังนั้นนายทองชุบจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2505ข้อ 8 โจทก์ซึ่งเป็นทายาทย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จดังกล่าวด้วย ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การที่นายทองชุบพาอาวุธปืนเข้าไปในโรงงานยาสูบ 4 ในระหว่างทำงานล่วงเวลาและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางยุบลถึงแก่ความตาย ถือได้ว่า เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เมื่อนายทองชุบฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ก็เพราะเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเองนายทองชุบจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 เอกสารหมาย จ.ล.1ข้อ 3(ง) โจทก์ทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของนายทองชุบก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จด้วย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ว่า ตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 ข้อ 3(ง) เหตุที่จะไม่จ่ายบำเหน็จแก่พนักงานนั้นพนักงานผู้นั้นจะต้องประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงแล้วถูกผู้อื่นฆ่าตาย การที่นายทองชุบใช้อาวุธปืนยิงตนเองถึงแก่ความตายไม่ถือว่าเป็นการถึงแก่กรรมเนื่องจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าว โจทก์ทั้งห้าจึงมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จของนายทองชุบ พิเคราะห์แล้วตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500 เอกสารหมาย จ.ล.1 ได้กำหนดเงื่อนไขการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานที่ถึงแก่กรรมไว้ในข้อ 3(ง)ว่า
ข้อ 3. พนักงานยาสูบที่ออกจากงานในกรณีและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ คือ
ง. ถึงแก่กรรมและการถึงแก่กรรมนั้นมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
ดังนั้น พนักงานยาสูบที่ถึงแก่กรรมลง ตามปกติทายาทจะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ เว้นแต่การถึงแก่กรรมนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งห้าจึงมีว่า การที่นายทองชุบพกพาอาวุธปืนเข้าไปในที่ทำงานในโรงงานยาสูบ 4 และใช้อาวุธปืนนั้นยิงนางยุบล ภาคยะวัธน์เพื่อนร่วมงานจนถึงแก่ความตายในขณะทำงานให้แก่โรงงานยาสูบหลังจากนั้นนายทองชุบก็ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนถึงแก่ความตายดังข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัย การตายของนายทองชุบได้เกิดขึ้นเนื่องจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า ตามระเบียบดังกล่าวไม่ได้กำหนดว่าพนักงานที่ถึงแก่กรรมและไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ จะต้องเป็นการถึงแก่กรรมเพราะถูกบุคคลอื่นฆ่าตายเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงดังที่โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์ดังนั้น ไม่ว่าพนักงานจะถึงแก่กรรมเพราะเหตุใดก็ตาม ถ้าเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงแล้วก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบนี้ การที่นายทองชุบใช้อาวุธปืนยิงนางยุบลในที่ทำงานและในเวลาทำงานล่วงเวลาของโรงงานยาสูบผู้เป็นนายจ้าง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ในเวลาต่อเนื่องกันหลังจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนายทองชุบได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนถึงแก่ความตาย การฆ่าตัวตายของนายทองชุบก็เพื่อหนีความรับผิดจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเองการถึงแก่กรรมของนายทองชุบ จึงเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบพ.ศ. 2500 ข้อ 3(ง) โจทก์ทั้งห้าซึ่งเป็นทายาทของนายทองชุบจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จดังกล่าว
พิพากษายืน.

Share