คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

น. สามีจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของเมื่อ น.ตายจำเลยครอบครองต่อมาถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ การที่ น. ไปแจ้งขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 ฉะนั้นแม้ น.และจำเลยจะทำประโยชน์ในที่พิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์เรียกร้องให้คืนที่พิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับยกให้ที่ดิน 2 แปลงจากนายเป็ด อยู่แล้ว และ นางนิม อยู่แล้ว บิดามารดาโจทก์นายเป็ดช่วยดูแลที่ดินให้โจทก์จนกระทั่งตาย โจทก์ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่อยู่ จึงพูดฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับนายนาน อยู่แล้ว และจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากัน ให้ดูแลรักษาแทนโจทก์ ต่อมานายนาน อยู่แล้ว ถึงแก่กรรม โจทก์บอกให้จำเลยส่งมอบที่ดินคืน แต่ปรากฎว่า นายนาน เอาที่ดินนั้นไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้และจำเลยไม่ยอมคืนให้โจทก์ ขอศาลสั่งเพิกถอนชื่อนายนาน อยู่แล้วออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2116 และเลขที่ 3875 และพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทนายเป็ด นางนิม อยู่แล้ว ยกให้นายนาน อยู่แล้ว สามีจำเลยและจำเลยกับสามีครอบครองทำประโยชน์โดยสงบ เปิดเผย ในฐานะเจ้าของตลอดมาเกิดกว่า 10 ปีจำเลยกับสามีไม่เคยรับฝากที่ดินพิพาทจากโจทก์ และสามีจำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทแล้ว ซึ่งโจทก์ไม่คัดค้านแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเป็ดได้ยกที่พิพาททั้งสองแปลงให้โจทก์จริง แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า”เชื่อได้ว่าโจทก์ได้มอบให้นายนานสามีจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนจริง เพราะโจทก์ไม่ได้ให้นายนานครอบครองแทนแล้ว คงไม่กลับมาดูแลที่ดินของตนอีกทุกปี และเมื่อนายนานถึงแก่กรรมแล้วจำเลยได้ครอบครองที่พิพาททั้งสองแปลงต่อมาถือว่าเป็นการครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ ปัญหามีต่อไปว่าการที่นายนานไปแจ้งขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินที่พิพาททั้งสองแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไปหรือไม่ เห็นว่าเพียงแต่การไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 บัญญัติว่า”บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไปฯลฯ” จำเลยมิได้นำสืบให้ปรากฎว่า นายนาน หรือจำเลยได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ก็ต้องถือว่านายนาน และจำเลยยังคงยึดถือครอบครองที่พิพาทไว้แทนโจทก์ตลอดมา ฉะนั้นแม้นายนานและจำเลยทำประโยชน์ในที่พิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครองโจทก์ย่อมเรียกร้องให้คืนที่พิพาทได้”
พิพากษายืน

Share