แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อย 2 แถวด้านหน้าและด้านหลัง แล้วปลูกตึกแถวพร้อมกับวางสายไฟฟ้าจากที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหลังผ่านที่ดินแปลงที่อยู่ด้านหน้าเพื่อประโยชน์ในการใช้ไฟฟ้าของตึกแถวด้านหลัง การที่เจ้าของที่ดินเดิมขายที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งมีไฟฟ้าใช้แล้วให้กับผู้อื่นโดยราคาที่ตกลงซื้อขายนี้เป็นที่เห็นได้ว่ารวมค่าไฟฟ้าเข้าด้วยแล้วเช่นนี้ ถือได้ว่าผู้รับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งเป็นที่ดินติดต่อได้ใช้ค่าทดแทนในการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินซึ่งอยู่ด้านหน้าแก่เจ้าของเดิมแล้ว จึงเป็นข้อกำจัดสิทธิอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 เจ้าของที่ดินเดิมไม่อาจบังคับให้เจ้าของที่ดินติดต่อย้ายสายไฟฟ้าให้พ้นไปจากที่ดินของตนได้ และข้อกำจัดสิทธิดังกล่าวไม่จำต้องจดทะเบียนตามมาตรา 1338ก็มีผลบังคับกันได้ ดังนั้น โจทก์ซึ่งรับโอนที่ดินด้านหน้าจึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าออกไปให้พ้นบ้านโจทก์ได้ เพราะการฟ้องจำเลยก็มีผลเช่นเดียวกับการฟ้องเจ้าของที่ดินติดต่อนั่นเอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกที่ดินของตนออกเป็นแปลงย่อย 22 แปลง แล้วสร้างตึกแถวขึ้น 2 แถว ด้านหน้าติดถนน11 คูหา ด้านหลัง 10 คูหา โดยเว้นแถวแรก 1 คูหาเป็นทางสาธารณะต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวด้านหลัง 1 คูหาและด้านหลัง 1 คูหาซึ่งเป็นที่ดินแปลงย่อยด้านขวามือสุดเมื่อหันหน้าสู่ถนน ตึกแถวที่โจทก์ซื้อมีสายไฟฟ้าแรงสูงของจำเลยเดินบนลูกถ้วยกระเบื้องเกาะติดผนังด้านซ้ายมือของตึกแถวเลี้ยวตัดทะลุเข้าไปในบ้านของโจทก์แล้วทะลุไปยังทางสาธารณะด้านหน้าของตึกแถวด้านหลัง อันเป็นอันตรายแก่ชีวิตทรัพย์สินของโจทก์ ขอให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ออกไป
จำเลยให้การว่า ได้เดินสายไฟฟ้าโดยได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดินเดิม โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ออกจากอาคารโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ดินตามฟ้องเมื่อสร้างตึกแถวเสร็จแล้ว ฉ.เจ้าของที่ดินเดิมขอให้จำเลยเดินสายไฟฟ้าไปตามผนังตึกด้านนอกของห้องเลขที่ 7 ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างตึกแถวห้องเลขที่ 7 กับตึกแถวอื่นกว้างประมาณ 1 เมตรและด้านหน้าอยู่ติดถนนอำนวยสงคราม แล้วเลี้ยวไปตามกันสาดห้องเลขที่ 19 ด้านหลังห้องเลขที่ 7 ซึ่งอยู่แถวเดียวกันกับตึกแถวด้านหลัง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในตึกแถวด้านหลังมีไฟฟ้าใช้ต่อมา ฉ. โอนขายที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมตึกแถวให้บุคคลภายนอกไปโดยขายตึกแถวเลขที่ 7 และ 19 พร้อมที่ดินให้ ธ. หลังจากนั้น ธ.โอนขายที่ดินพร้อมตึกแถวดังกล่าวให้โจทก์ ซึ่งปรากฏว่าด้านหลังตึกแถวเลขที่ 7 กับด้านหน้าตึกแถวเลขที่ 19 ได้ก่อกำแพงเชื่อมต่อเป็นห้องเดียวกัน เห็นว่าการที่ ฉ. เจ้าของที่ดินเดิมขายที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งมีไฟฟ้าใช้แล้วให้กับผู้อื่นไปเป็นที่เห็นได้ว่าราคาที่ตกลงซื้อขายกันได้รวมค่าไฟฟ้าเข้าไปด้วยจึงถือได้ว่าผู้รับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวด้านหลังซึ่งเป็นที่ดินติดต่อได้ใช้ค่าทดแทนในการวางสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของโจทก์ให้แก่ฉ. เจ้าของเดิมซึ่งยอมให้ผ่านแล้ว นับว่าเป็นข้อจำกัดสิทธิอย่างหนึ่ง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1352 ฉ. จึงไม่อาจที่จะบังคับให้เจ้าของที่ดินติดต่อย้ายสายไฟฟ้าให้พ้นไปจากที่ดินของตนได้ ข้อจำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1338 บัญญัติว่าไม่จำต้องจดทะเบียน โจทก์ซึ่งรับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวซึ่งเดิมเป็นของ ฉ.มาต้องรับเอาผลจากข้อจำกัดสิทธิดังกล่าวมาด้วย จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสายไฟฟ้าออกไปให้พ้นบ้านโจทก์ เพราะการฟ้องจำเลยมีผลเช่นเดียวกับการฟ้องเจ้าของที่ดินติดต่อให้รื้อถอนสายไฟฟ้าออกไปนั่นเอง ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.