คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยฝากเงินไว้แก่ผู้ร้อง เงินที่ฝากย่อมตกเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวน การที่จำเลยตกลงมอบเงินฝากพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ผู้ร้อง ก็เพียงเพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยจะพึงมีต่อผู้ร้องเท่านั้น แม้ในหนังสือยินยอมมอบเงินฝากเป็นประกันจะมีข้อความระบุไว้ว่า เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ การที่จำเลยให้ผู้ร้องมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยและจำเลยจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนนั้น เป็นเรื่องความตกลงในการฝากเงินเพื่อเป็นประกันนั้นเอง หาทำให้ตัวเงินตามจำนวนในบัญชีเงินฝากยังคงเป็นของจำเลยอันผู้ร้องได้ยึดไว้เป็นประกันการชำระหนี้ไม่ ความตกลงดังกล่าวจึงไม่เป็นการจำนำเงินฝากผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2611/2522).

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อสินค้าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 961,642.37 บาท พร้อมดอกเบี้ยคดีถึงที่สุด จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งการอายัดเงินของจำเลยในบัญชีเงินฝากประจำ12 เดือน ตามบัญชีเลขที่ 252-227727-2 จำนวน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยที่ธนาคารผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนำบัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน ตามบัญชีเลขที่ 252-227727-2 ของจำเลยผู้ร้องจึงเป็นเจ้าหนี้มีประกัน ย่อมมีบุริมสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้เงินในบัญชีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การที่จำเลยมอบสมุดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ผู้ร้อง เป็นเพียงมอบให้ยึดถือไว้เป็นประกันเท่านั้นแม้ผู้ร้องมีสิทธิหักเงินได้ตามข้อตกลงในหนังสือยินยอม ก็ไม่เป็นการจำนำสิทธิตามตราสาร ผู้ร้องจึงไม่มีบุริมสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียให้เป็นพับ
ผู้ร้องและโจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าสัญญาที่จำเลยทำกับผู้ร้องเป็นการจำนำเงินฝากประจำหรือไม่และผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นหรือไม่เห็นว่า เมื่อจำเลยฝากเงินไว้แก่ผู้ร้อง เงินที่ฝากย่อมตกเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวน การที่จำเลยตกลงมอบเงินฝากพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ผู้ร้องก็เพียงเพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยจะพึงมีต่อผู้ร้องเท่านั้น ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีข้อความระบุไว้ว่า มีเงินฝากค้ำประกันจำนวน2,000,000 บาท และในหนังสือยินยอมมอบเงินฝากเป็นประกันก็มีข้อความระบุไว้ว่า เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ การที่จำเลยให้ผู้ร้องมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยและจำเลยจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนนั้นเป็นเรื่องความตกลงในการฝากเงินเพื่อเป็นประกันนั้นเอง หาทำให้ตัวเงินตามจำนวนในบัญชีเงินฝากยังคงเป็นของจำเลยอันผู้ร้องได้ยึดไว้เป็นประกันการชำระหนี้ไม่ ความตกลงดังกล่าวจึงไม่เป็นการจำนำเงินฝาก ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2611/2522 ระหว่างนายเจริญศรีสมบูรณานนท์ โจทก์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ผู้ร้องบริษัทธเนศพร จำกัด กับพวก จำเลย เมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้วผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น คำพิพากษาฎีกาที่ผู้ร้องอ้างข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจากผู้ร้องตามจำนวนทุนทรัพย์นั้นไม่ถูกต้องเพราะคดีของผู้ร้องในชั้นบังคับคดีในกรณีนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งจะต้องเสียค่าขึ้นศาลสองร้อยบาทตามตาราง 1(2)(ก) จึงให้คืนส่วนที่เรียกเกินมาแก่ผู้ร้อง
พิพากษายืน.

Share