คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์และผู้ร้องทราบนัดแล้วไม่ไปศาลตามนัดโดยศาลมิได้สั่งงดสืบพยาน ศาลจึงดำเนินกระบวนพิจารณาไป ถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดระเบียบ เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอกันส่วนแล้วไม่คัดค้าน กรณีเป็นเรื่องพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ ศาลไม่ต้องนัดสืบพยานจำเลย คำยินยอมของสามีหรือภรรยาเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทำนิติกรรมนั้นไม่ต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน เมื่อผู้ร้องรับว่าหนังสือยินยอมเป็นหนังสือของผู้ร้องที่ถูกต้องแท้จริงแล้วก็นำไปใช้จดทะเบียนจำนองที่ดินได้ หาเป็นโมฆะไม่ การที่ผู้ร้องทำหนังสือระบุว่า ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้จำนอง รวมทั้งกิจการอื่นที่กระทำไปโดยผู้ร้องขอร่วมรับผิดชอบในนิติกรรมนั้น เสมือนผู้ร้องได้กระทำเองทุกประการ ถือว่า ผู้ร้องยอมให้สัตยาบันหนี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างผู้ก่อหนี้กับผู้ร้อง.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 1 เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินบริคณห์ ผู้ร้องมีสิทธิครึ่งหนึ่งขอให้แยกสินบริคณห์
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องให้ความยินยอมให้จำเลยที่ 3 จดจำนองที่ดินดังกล่าว หนี้จำนองจึงเป็นหนี้ร่วม ผู้ร้องหมดสิทธิที่จะให้แยกสินบริคณห์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่า เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งเรื่องการวางเงินประกัน ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ ต่อมาศาลชั้นต้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งและดำเนินกระบวนพิจารณาฝ่ายเดียวลับหลังผู้ร้องและจำเลย และแม้ศาลจะตัดพยานผู้ร้อง จำเลยก็มีสิทธิสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นตัดสิทธิมิให้สืบพยานจำเลย จึงเป็นการผิดระเบียบการดำเนินกระบวนพิจารณานั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้แล้วและผู้ร้องก็ทราบนัด ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่6 ตุลาคม 2530 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินตามคำร้องขอของโจทก์และผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นก็มิได้งดสืบพยานโจทก์ โจทก์และผู้ร้องจะต้องไปศาลตามนัด เมื่อผู้ร้องไม่ไปศาล ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาไป จึงหาผิดระเบียบไม่ สำหรับจำเลยนั้น ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาคำร้องขอกันส่วนทรัพย์ของผู้ร้องให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยไม่คัดค้าน กรณีจึงเป็นเรื่องพิพาทกันระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ จำเลยหาเกี่ยวข้องด้วยไม่ ศาลชั้นต้นไม่นัดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องไม่ได้ให้คำยินยอมในการจำนองที่ดินต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน การจำนองที่ดินเป็นโมฆะนั้น เห็นว่าคำยินยอมของสามีหรือภรรยาให้อีกฝ่ายหนึ่งทำนิติกรรมได้ตามกฎหมายนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้ทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน เมื่อผู้ร้องรับว่าหนังสือยินยอมเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.7 เป็นหนังสือยินยอมของผู้ร้องที่ถูกต้องแท้จริงแล้ว หนังสือยินยอมดังกล่าวก็นำไปใช้จดทะเบียนจำนองที่ดินได้ หาเป็นโมฆะไม่ และหนังสือยินยอมเอกสารหมาย จ.1 ผู้ร้องระบุว่าให้ความยินยอมให้จำเลยที่ 3 ทำนิติกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้อันจำนองรวม 3 โฉนดที่ 2054, 2055, 2056ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน 5,000,000 บาทกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด ได้ กิจการใดที่จำเลยที่ 3 ได้กระทำไปข้าพเจ้าขอร่วมรับผิดชอบในนิติกรรมนั้นด้วย เสมือนหนึ่งข้าพเจ้าได้กระทำเองทุกประการ ดังนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องได้รับรู้ถึงหนี้สินที่จำเลยที่ 3 ได้ก่อให้เกิดขึ้น ถือได้ว่า ผู้ร้องยอมให้สัตยาบันหนี้ดังกล่าวซึ่งเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างจำเลยที่ 3 กับผู้ร้อง จึงต้องผูกพันที่ดินทั้งหมดรวมทั้งส่วนของผู้ร้องด้วย
ที่ผู้ร้องฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันโดยไม่ได้ไต่สวนคำร้องเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เงินประกันจำนวนดังกล่าว ผู้ร้องยังมิได้วางเป็นประกัน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง เป็นเหตุให้คดีเสร็จไปจากการพิจารณาของศาลชั้นต้นแล้ว ความจำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องวางเงินประกันจึงไม่มีอีกต่อไป คำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันถูกเพิกถอนไปในตัวศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องในเรื่องนี้ ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าวมา ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอกันส่วนของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share