แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาปรับปรุงที่ดินกับจำเลยที่ 2 ตามสัญญากำหนดวิธีการถมให้โจทก์ปฏิบัติไว้ เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้วเกิดขัดข้องไม่สามารถทำงานต่อไปได้ โจทก์เลือกทำงานต่อไปด้วยวิธีการใหม่โดยไม่รอทำความตกลงกับจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นการทำงานเพิ่มเติมจากข้อกำหนดในสัญญา แต่ตามสัญญากำหนดไว้ว่าการเพิ่มเติมงานจักต้องคิดและตกลงราคากันใหม่ ถ้าจักต้องเพิ่มค่าจ้างก็ต้องทำความตกลงเป็นหนังสือไว้ต่อกัน เมื่อโจทก์มิได้ตกลงกับจำเลยที่ 2 เป็นหนังสือ จึงนับว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2ยังมิได้มีสัญญาต่อกันในส่วนที่โจทก์ทำงานเพิ่มเติมนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างเพิ่มเติมจากจำเลยที่ 2.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นผู้ประมูลปรับปรุงที่ดิน ตอกเข็ม และทำฐานรากอาคารแฟลตโครงการเคหะชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 และที่ 3 ส่วนที่ 1 จากจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญากัน โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาทุกประการและได้ส่งมอบงานและรับเงินจากจำเลยที่ 2 ครบถ้วนแล้ว ในระหว่างที่โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาคือถางป่า ขุดตอ วิธีการถมโจทก์ต้องสูบน้ำออกให้หมดแล้วดันขยะ เศษไม้ ต้นไม้ วัชพืชต่าง ๆ ลงในสระให้หมดแล้วจึงถมทรายทับแต่ปรากฏว่าเลนมีปริมาณมากลึกถึง 4-4.50 เมตร พื้นที่ถึง 2.3 ไร่ไม่สามารถทำงานได้เพราะรถแทรกเตอร์ติดหล่ม จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้ขอร้องให้โจทก์ตักเลน ขนขยะ เศษไม้และวัชพืชออกใหม่ให้หมดและถมดินทราย โดยจำเลยที่ 1 รับว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องเงินที่โจทก์จะต้องเพิ่มผลงานให้ โจทก์จึงปฏิบัติตามจนสำเร็จเรียบร้อย โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ออกหนังสือคำสั่งแก้ไขการปฏิบัติงานของโจทก์ แต่จำเลยที่ 1ไม่จัดการให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้บังคับบัญชาสั่งการให้จำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1ดำเนินการด้วยตนเอง ได้ขอร้องให้โจทก์ปฏิบัติงานเพิ่มเติมพิเศษจนเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 2 อย่างมาก โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 2จ่ายเงินชดเชยเป็นเงิน 1,336,650 บาท แต่ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติในขณะนั้นมีคำสั่งไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 1,535,907 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,336,650 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ไม่เคยแนะนำหรือขอร้องให้โจทก์ทำงานนอกเหนือสัญญาใด ๆ จำเลยที่ 2ก็ไม่เคยตกลงยินยอมหรือขอร้องให้โจทก์ปฏิบัติงานนอกเหนือสัญญาและงานที่โจทก์ทำก็เป็นงานที่โจทก์ต้องทำให้เสร็จตามสัญญามิได้พิเศษหรือเพิ่มเติมไปจากสัญญา จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 400,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม2521 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คู่ความนำสืบรับกันว่า โจทก์ทำสัญญารับจ้างเหมาปรับปรุงที่ดิน ตอกเข็ม และทำฐานรากอาคารแฟลตโครงการเคหะชุมชนดินแดง (ใหม่) ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ระหว่างทำการปรับปรุงที่ดินโจทก์ได้ถางป่า ขุดตอและถมทรายแล้ว แต่เฉพาะตรงพื้นที่พิพาทประมาณ 2 ไร่ เมื่อเอารถแทรกเตอร์กดทับรถจมในทรายต้องนำรถอื่นมาดึงขึ้น โจทก์จึงไปปรึกษากับผู้จัดการโครงการของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1แนะนำให้โจทก์ขุดรื้อสิ่งต่าง ๆ ขึ้นให้หมดแล้วเอาทรายใหม่มาถมลงให้เต็ม โจทก์ก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อย โดยจำเลยที่ 2 มิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือให้โจทก์แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทำการเพิ่มงานตามสัญญาข้อ 19 คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่าจำเลยที่ 2 จะต้องจ่ายเงินเพิ่มให้แก่โจทก์เพียงใดหรือไม่ เห็นว่า การทำการปรับปรุงที่ดินของโจทก์ตามสัญญานั้น โจทก์จะต้องดำเนินการตามรายการชี้แจงเพิ่มเติมรายละเอียดการปรับปรุงที่ดิน คือการถางป่า ขุดตอ และวิธีการถม ผู้รับจ้างจะต้องสูบน้ำออกให้หมดแล้วดันขยะ เศษไม้ต้นไม้ วัชพืชต่าง ๆ ภายในบริเวณโครงการเอาไปลงในสระให้หมดแล้วจึงถมทรายทับ ไม่มีรายการให้โจทก์ต้องขุดรื้อสิ่งต่าง ๆ ในสระขึ้นมาแล้วจึงถมทรายทีหลัง เมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาแล้วเกิดขัดข้องทำงานต่อไปไม่ได้ เพราะดินในสระอ่อนตัวทำให้รถแทรกเตอร์ที่ใช้กดทับทรายจม จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 จึงแนะนำให้ขุดรื้อสิ่งต่าง ๆ ในสระออกแล้วนำทรายใหม่มาถม แม้การทำงานดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติมจากข้อกำหนดในสัญญาแต่ตามสัญญาข้อ 19 กำหนดไว้ว่า “ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือลดงานจากแบบแปลนและรายการก่อสร้างเดิมได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องเลิกสัญญานี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม หรือลดงานดังกล่าวข้างต้น จักต้องคิดและตกลงราคากันใหม่และถ้าจักต้องเพิ่มหรือลดเงินค่าจ้างหรือยืดเวลาทำการออกไปอีกก็จักได้ทำความตกลงกัน ณ บัดนั้น กรณีดังกล่าวให้ทำหลักฐานเป็นหนังสือไว้ต่อกัน” เรื่องนี้ไม่ปรากฏว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ทำความตกลงกันใหม่เป็นหนังสือแต่อย่างใด การที่โจทก์ทำตามวิธีใหม่ก็เพียงแต่ทำตามคำแนะนำของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงหัวหน้ากองก่อสร้างและบำรุงฝ่ายการวิจัยและก่อสร้างของจำเลยที่ 2 เท่านั้นมิใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 สั่งการให้โจทก์ทำ เพราะจำเลยที่ 2เป็นส่วนราชการ การตกลงเรื่องให้โจทก์ทำงานเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือไว้ต่อกัน ทั้งจำเลยที่ 1เบิกความว่า เมื่อนายสุรศักดิ์ กิติวิบูลย์ ผู้ควบคุมงานได้ทำบันทึกมาถึงกองก่อสร้างและบำรุงว่า มีอุปสรรคเกี่ยวกับการถมทรายเกิดขึ้น โจทก์จะขอค่าชดเชย จำเลยที่ 1 ได้มีคำสั่งว่าให้โจทก์ระงัการทำงานไว้ก่อน เพื่อจะได้เสนอคณะกรรมการ ๆ พิจารณาต่อไป ต่อมานายสุรศักดิ์ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้โจทก์ทราบ แต่โจทก์กลับไม่หยุดทำงานโดยได้แจ้งให้ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยและก่อสร้างทราบว่าจะเกิดปัญหาและความเสียหายต่อโจทก์และทางราชการหลายอย่างโจทก์เห็นว่าไม่สมควรหยุดงานและจะขอรับผิดชอบในกรณีที่ได้เกิดขึ้นดังนั้น การที่โจทก์เลือกทำงานต่อไปด้วยวิธีดังกล่าวโดยไม่รอทำความตกลงกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการดำเนินการของโจทก์เองเมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ตกลงกับโจทก์ด้วยเป็นหนังสือตามสัญญาข้อ 19ดังกล่าว จึงนับว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ยังมิได้มีสัญญาต่อกันในส่วนที่โจทก์ทำงานเพิ่มเติมนี้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 366 วรรคสอง นอกจากนี้ตามสัญญาข้อ 13 กำหนดไว้ว่า”…ถ้างานอันหนึ่งอันใดมิได้ระบุไว้ในแบบแปลนหรือรายการก่อสร้างแต่ถ้าเป็นการจำเป็นต้องทำเพื่อให้งานแล้วเสร็จบริบูรณ์ถูกต้องตามแบบแปลนและรายการก่อสร้าง ผู้รับจ้างสัญญาว่าจะจัดการนั้น ๆให้โดยไม่คิดเอาเงินเพิ่มเติมอีกแต่อย่างหนึ่งอย่างใด” แม้วิธีการถมทรายตามที่โจทก์ทำเพิ่มเติมจะมิได้ระบุไว้ในแบบแปลนหรือรายการก่อสร้าง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อให้งานแล้วเสร็จบริบูรณ์ถูกต้องตามแบบแปลนและรายการก่อสร้าง ถือเป็นความจำเป็นที่โจทก์จะต้องทำตามสัญญาข้อนี้อีกด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างเพิ่มเติมจากจำเลยที่ 2
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 เสียด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.