คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ที่ดินพิพาทเป็นของผู้อื่น ผู้ร้องมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขัดทรัพย์ การโอนที่ดินพิพาทครั้งสุดท้ายเป็นการโอนระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอกโดยไม่ปรากฏว่าบุคคลภายนอกรับโอนแทนผู้ร้องจึงเป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกถูกโต้แย้งสิทธิและจะต้องไปดำเนินการเอง ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขัดทรัพย์ในนามของตนเอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ จำเลยชำระเงินตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแก่โจทก์หากไม่ชำระจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่26 เมษายน 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ครั้นครบกำหนดจำเลยไม่ชำระเงินตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 117323 ตำบลสวนหลวง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครเพื่อบังคับเอาชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง จำเลยได้ทำสัญญาจะขายให้แก่ผู้ร้องโดยติดจำนองพร้อมที่ดินแปลงอื่นอีก 5 แปลงเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2525 ในราคา1,500,000 บาท แล้วจำเลยผิดสัญญา ผู้ร้องจึงฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ต่อมาผู้ร้องกับจำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2525 โดยจำเลยยอมโอนที่ดินพิพาทกับที่ดินแปลงอื่นอีก 5 แปลงให้แก่ผู้ร้องหรือผู้อื่นในนามของผู้ร้องตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 6900/2525 ของศาลชั้นต้น ผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมผู้ร้องจึงมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อนโจทก์ไม่มีสิทธิยึดที่ดินพิพาทโจทก์กับจำเลยร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่สุจริต ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกับนายมานัส อานันท์ บิดาของจำเลยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2521ต่อมานายมานัสถึงแก่กรรม โจทก์จึงฟ้องจำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมให้ปฏิบัติตามสัญญา ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันนำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมาฟ้องโดยไม่สุจริตและทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยรู้อยู่ว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลโจทก์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมิได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทไม่มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด พิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อตรวจดูหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ 117323 ของที่ดินพิพาทเอกสารหมาย จ.1 แล้ว ไม่ปรากฏว่ามีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่ด้วยเลย การจดทะเบียนโอนครั้งสุดท้ายเป็นการโอนจากจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ให้แก่นายโกบาลซิงห์ ศรีตุรุวาฬ และนายเสกสรรค์ เลิศสรรค์ศรัญย์จึงฟังได้ว่า ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ที่ดินพิพาทเป็นของผู้อื่น ผู้ร้องมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขัดทรัพย์คดีนี้ ที่ผู้ร้องฎีกาว่า การโอนที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลภายนอกเป็นการโอนภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งยึดที่ดินพิพาทไว้ก่อนแล้ว การโอนที่ดินจึงไม่ชอบ ที่ดินพิพาทยังเป็นของผู้ร้องอยู่นั้น เห็นว่า การโอนที่ดินพิพาทครั้งสุดท้ายเป็นการโอนระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก การโอนจะชอบหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับบุคคลภายนอก แม้ผู้ร้องจะมีสัญญาการโอนที่ดินพิพาทผูกพันกับบุคคลภายนอกหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้มีการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วโดยไม่ปรากฏว่าเป็นการรับโอนแทนผู้ร้อง ก็เป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกถูกโต้แย้งสิทธิและจะต้องไปดำเนินการเอง ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขัดทรัพย์ในนามของตนเองศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share