คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนไม่หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรือนนั้นลุกติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ฝาผนังบ้านอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนมีรอยเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ แม้จะมีทรัพย์สินอื่นหลายรายการเช่นเครื่องเรือนถูกไฟลุกไหม้ไป ก็ถือไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย อันจะทำให้เป็นความผิดสำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาโรงเรือนเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้น้ำมันเทราดที่ที่นอนของนางดวงรัตน์สระทองแป้น ผู้เสียหายแล้วจุดไม้ขีดไฟโยนใส่ที่นอนดังกล่าวซึ่งอยู่ในบ้านผู้เสียหาย โดยเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์สินและบ้านอันเป็นโรงเรือนที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เพลิงไหม้เสาบ้านและทรัพย์สินอื่น ๆ ของผู้เสียหายและนางสาวสุณีย์วงศ์ประสาทเพ็ชร รวม 10 รายการ คิดเป็นค่าเสียหาย 7,700 บาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217, 218 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 5 ริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาบ้านตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218, 80 ให้จำคุก4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 คงฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีเจตนาวางเพลิงเผาบ้านของผู้เสียหาย และจำเลยจุดไฟเผาที่นอนในบ้านชั้นล่างจนเพลิงได้ลุกไหม้ขึ้น แต่นางสาวสุณีย์ได้ใช้น้ำราดดับไฟจนสงบ ปรากฏว่าที่นอนและเตียงนอนกับทรัพย์สินในห้องของผู้เสียหายและนางสาวสุณีย์ถูกเพลิงไหม้เสียหาย 10 รายการไม่ปรากฏว่าตัวบ้านได้ถูกเพลิงไหม้ คงมีแต่รอยเขม่าดำจับติดอยู่ที่ฝาผนังห้อง และกระดาษภาพที่ปิดติดผนังบ้านไหม้ไปเท่านั้นโจทก์ฎีกาว่าตามฟ้องโจทก์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์และบ้านอันเป็นโรงเรือนที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย โจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยวางเพลิงเผาบ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทรัพย์สินในบ้านของผู้เสียหายและนางสาวสุณีย์ถูกไฟที่จำเลยจุดเผาไหม้ถึง 10 รายการ แม้ไฟจะไม่ลุกไหม้บ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายเพราะนางสาวสุณีย์ดับไว้ทัน ก็ต้องถือว่าจำเลยจุดไฟเผาทรัพย์สินอย่างอื่นของผู้เสียหายและนางสาวสุณีย์สำเร็จตามเจตนาของจำเลย และต้องถือว่าบ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้นเห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนนั้น ไม่หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรือนนั้นลุกติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ฝาผนังบ้านอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนของผู้เสียหายมีรอยเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ การกระทำของจำเลยคงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาโรงเรือนเท่านั้น แม้จะมีทรัพย์สินหลายรายการถูกไฟลุกไหม้ไปด้วย ก็ถือไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย อันจะทำให้เป็นความผิดสำเร็จดังที่โจทก์ฎีกา”
พิพากษายืน

Share