แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ไม้ไผ่ตีที่ศีรษะและลำตัวของผู้เสียหายหลายครั้งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกที่ศีรษะด้านซ้ายขนาดประมาณ2×3 เซนติเมตร และที่บริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายบวมฟกช้ำ ไม่พบว่ามีกระดูกหัก แต่มีลักษณะของเส้นเอ็นบริเวณหัวไหล่ซ้ายขาด ทำให้กระดูก 2 ชิ้น แยกจากกัน ผู้เสียหายเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล7 วัน เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วไม่ปรากฏว่าต้องรักษาตัวต่อไปอีกหรือไม่ การที่แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาเกินกว่า25 วัน ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน ก็เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นและแม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่า ในวันมาเบิกความยังเจ็บแขนและมึนศีรษะอยู่ก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเป็นอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) บาดแผลของผู้เสียหายเป็นเพียงได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 8 เดือน ปรับ 2,000 บาทจำเลยรับราชการเป็นลูกจ้างประจำเทศบาลเมืองน่าน ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งและไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขัง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) ให้จำคุก6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า อาการบาดเจ็บของผู้เสียหายไม่ถึงกับเป็นอันตรายสาหัส ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ใช้ไม้ไผ่ตีที่ศีรษะและลำตัวของผู้เสียหายหลายครั้ง ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ซึ่งปรากฏว่าผู้เสียหายมีบาดแผลถลอกที่ศีรษะด้านซ้ายขนาดประมาณ 2×3 เซนติเมตร บริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายฟกช้ำไม่พบว่ามีกระดูกหัก แต่มีลักษณะของเส้นเอ็นบริเวณหัวไหล่ซ้ายขาดทำให้กระดูก 2 ชิ้นแยกจากกัน ผู้เสียหายเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 7 วัน แต่ไม่ปรากฏว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วผู้เสียหายต้องรักษาตัวต่อไปอีกหรือไม่ การที่แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าต้องใช้เวลารักษาเกินกว่า 25 วัน ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็เป็นเพียงการคาดคะเนตามความเห็นเท่านั้น และแม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าในวันมาเบิกความยังเจ็บแขนและมึนศีรษะอยู่ก็ตามก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน อันจะเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) บาดแผลของผู้เสียหายเป็นเพียงได้รับอันตรายแก่กายเท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ผู้เสียหายกับจำเลยทำงานอยู่แห่งเดียวกัน สาเหตุการทำร้ายมีเพียงเล็กน้อย และผู้เสียหายก็ได้รับชดใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจทั้งไม่ติดใจเอาความแล้วตามบันทึกแนบท้ายฎีกา เห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยมีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30