แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ครบถ้วน เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ให้การเป็นประเด็นและไม่ได้อุทธรณ์ซึ่งถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกระทำการครั้งเดียวตามข้อ 7(ก) ของบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ส่วนที่โจทก์ผู้มอบอำนาจระบุข้อความในหนังสือมอบอำนาจว่า ให้มีอำนาจจำหน่ายสิทธิของโจทก์ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้องการถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ให้มีอำนาจแต่งทนายความและรับเงินหรือเอกสารคืนจากศาลนั้น เป็นเรื่องกระบวนพิจารณาที่ผู้รับมอบอำนาจจักต้องกระทำในการพิจารณาของศาลอันสืบเนื่องมาจากการฟ้องคดีที่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ใช่เป็นเรื่องอื่นต่างหากจากการมอบอำนาจให้ฟ้องคดี โจทก์เสียอากรโดยปิดอากรแสตมป์ 10 บาท จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์มอบอำนาจให้นายลอย จันทา ดำเนินคดีแทนฟ้อง ให้เพิกถอนการออก น.ส.3 เลขที่ 293 ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ออกทับที่ดินของโจทก์ตาม ส.ค.1 เลขที่ 124 หรือมิฉะนั้นก็ขอให้จำเลยที่ 3 ที่ 4จดทะเบียนโอน น.ส.3 เลขที่ 293 ให้แก่โจทก์ทั้งแปลง จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3ที่ 4 รับเงินจำนวน 1,200 บาท จากโจทก์ แล้วคืนที่ดินตาม ส.ค.1เลขที่ 124 ให้แก่โจทก์ หรือให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 โอนที่ดินตามน.ส.3 เลขที่ 293 เนื้อที่ 1 ไร่ 8 ตาราง ตาม ส.ค.1 เลขที่ 124ให้แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.1 เป็นการมอบอำนาจในครั้งเดียว ผู้รับมอบอำนาจเพียงคนเดียวมีอำนาจกระทำการมากกว่าครั้งเดียว กล่าวคือ ผู้รับมอบอำนาจลงลายมือชื่อแต่งทนายความ 2 คน อ้างตนเองเป็นพยาน และได้ให้อำนาจในการกระทำอย่างอื่น เช่น การรับเงินและเอกสารคืนจากศาลด้วยแต่โจทก์ปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท ไม่ครบถ้วนตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ให้การเป็นประเด็นและไม่ได้อุทธรณ์ซึ่งถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยที่ 4 ก็มีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ และตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายหมวด 6 เรื่อง อากรแสตมป์แห่งประมวลรัษฎากรก็ได้กำหนดลักษณะแห่งตราสารที่จะต้องเสียอากรไว้ในข้อ 7 ว่าใบมอบอำนาจ คือใบตั้งตัวแทนซึ่งมิได้กระทำในรูปลักษณะตราสารสัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ (ก) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว ค่าอากรแสตมป์ 10 บาท(ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท ฯลฯ ศาลฎีกาเห็นว่าตามหนังสือมอบอำนาจท้ายคำฟ้อง เอกสารสารบาญอันดับที่ 3 ที่โจทก์มอบอำนาจให้นายลอย จันทา ฟ้องจำเลยทั้งสี่เรื่องที่ดิน ซึ่งเป็นเรื่องเดียวโดยเฉพาะ จึงเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกระทำการครั้งเดียวตามข้อ 7 (ก) ของบัญชีอัตราอากรแสตมป์ดังกล่าว ส่วนที่โจทก์ระบุข้อความต่อไปในหนังสือมอบอำนาจว่า โดยให้มีอำนาจจำหน่ายสิทธิของโจทก์ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ให้มีอำนาจแต่งทนายให้มีอำนาจเช่นเดียวกัน ทั้งหากมีการรับเงินหรือเอกสารคืนจากศาลก็ให้มีอำนาจเช่นเดียวกันไว้ด้วย และผู้รับมอบอำนาจได้แต่งทนายความ 2 คนนั้น เป็นเรื่องกระบวนพิจารณาที่ผู้รับมอบอำนาจจักต้องกระทำในการพิจารณาของศาลอันสืบเนื่องมาจากการฟ้องคดีตามที่ได้รับมอบอำนาจ กรณีหาใช่เป็นเรื่องอื่นต่างหากจากการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่ โจทก์ผู้มอบอำนาจเสียอากรโดยปิดอากรแสตมป์10 บาท จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว”
พิพากษายืน